วันอังคารที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2550

วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2550

สวัสดีคะทุกคน วันนี้เรียนกราฟิก





สวัสดีคะ ชื่อกมลภัทร โพธิภิรมย์ ชื่อเล่นกิ๊ฟท์ เรียนอยู่ปี 4 โปรแกรมภาษาอังกฤษ ดีใจมากเลยที่ทำบล็อกของตัวเองได้แล้ว ยอมรับเลยคะว่าส่วนตัวไม่ค่อยเก่งเรื่องเกี่ยวกับเทคโนโลยีสักเท่าไหร่ พอได้ยินชื่อวิชานี้ คือ นวัตกรรมแห่งการเรียนรู้แล้วหนาว แต่พอได้เรียนครั้งแรกอาจารย์สอนเกี่ยวกับเทคนิคการผลิตสื่อการเรียนการสอนโดยใช้มือ(วาดรูป+ระบายสีไม้)ชอบเรียนมากเลย แล้วคาบต่อมาอาจารย์สอน Powerpoint และ Photoshop แล้วให้สร้าง Blog นี้ รู้สึกว่าได้ความรู้มากขึ้นทุกนาทีเลยค่ะ แถมสนุกอีกด้วย

การสร้างสื่อการเรียนการสอน
ความหมายของสื่อการสอน นักวิชาการในวงการเทคโนโลยีทางการศึกษา โสตทัศนศึกษา และวงการการศึกษา ได้ให้คำจำกัดความของ “สื่อการสอน” ไว้อย่างหลากหลาย เช่น

ชอร์ส กล่าวว่า เครื่องมือที่ช่วยสื่อความหมายจัดขึ้นโดยครูและนักเรียน เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ เครื่องมือการสอนทุกชนิดจัดเป็นสื่อการสอน เช่น หนังสือในห้องสมุด โสตทัศนวัสดุต่าง ๆ เช่น โทรทัศน์ วิทยุ สไลด์ ฟิล์มสตริป รูปภาพ แผนที่ ของจริง และทรัพยากรจากแหล่งชุมชน

บราวน์ และคณะ กล่าวว่า จำพวกอุปกรณ์ทั้งหลายที่สามารถช่วยเสนอความรู้ให้แก่ผู้เรียนจนเกิดผลการเรียนที่ดี ทั้งนี้รวมถึง กิจกรรมต่าง ๆ ที่ไม่เฉพาะแต่สิ่งที่เป็นวัตถุหรือเครื่องมือเท่านั้น เช่น การศึกษานอกสถานที่ การแสดง บทบาทนาฏการ การสาธิต การทดลอง ตลอดจนการสัมภาษณ์และการสำรวจ

ปรื่อง กุมุท กล่าวว่า สื่อการสอน หมายถึงสิ่งต่าง ๆ ที่ใช้เป็นเครื่องมือหรือช่องทางสำหรับทำให้การสอนของครูถึงผู้เรียนและทำให้ผู้เรียนเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์หรือจุดมุ่งหมายที่ครูวางไว้ได้เป็นอย่างดี


ชัยยงค์ พรหมวงศ์ ให้ความหมาย สื่อการสอนว่า วัสดุอุปกรณ์และวิธีการประกอบการสอนเพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการสื่อความหมายที่ผู้สอนประสงค์จะส่ง หรือถ่ายทอดไปยังผู้เรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพนอกจากนี้ ยังมีคำอื่น ๆ ที่มีความหมายใกล้เคียงกับสื่อการสอน เป็นต้นว่า


สื่อการเรียน หมายถึง เครื่องมือ ตลอดจนเทคนิคต่าง ๆ ที่จะมาสนับสนุนการเรียนการสอน เร้าความสนใจผู้เรียนรู้ให้เกิดการเรียนรู้ เกิดความเข้าใจดีขึ้น อย่างรวดเร็ว


สื่อการศึกษา คือ ระบบการนำวัสดุ และวิธีการมาเป็นตัวกลางในการให้การศึกษาความรู้แก่ผู้เรียน


โสตทัศนูปกรณ์ หมายถึง วัสดุทั้งหลายที่นำมาใช้ในห้องเรียน หรือนำมาประกอบการสอนใด ๆ ก็ตาม เพื่อช่วยให้การเขียน การพูด การอภิปรายนั้นเข้าใจแจ่มแจ้งยิ่งขึ้น


ความสำคัญของสื่อการสอน


ไชยยศ เรืองสุวรรณ กล่าวว่า ปัญหาอย่างหนึ่งในการสอนก็คือ แนวทางการตัดสินใจจัดดำเนินการให้ผู้เรียนเกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมขึ้นตามจุดมุ่งหมาย ซึ่งการสอนโดยทั่วไป ครูมักมีบทบาทในการจัดประสบการณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านเนื้อหาสาระ หรือทักษะและมีบทบาทในการจัดประสบการณ์เพื่อการเรียนการสอน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตัวผู้เรียนแต่ละคนด้วยว่า ผู้เรียนมีความต้องการอย่างไร ดังนั้นการจัดการเรียนการสอนในรูปแบบนี้ การจัดสภาพแวดล้อมที่ดีเพื่อการเรียนการสอนจึงมีความสำคัญมาก ทั้งนี้เพื่อสร้างบรรยากาศและแรงจูงใจผู้เรียนให้เกิดความอยากเรียนรู้และเพื่อเป็นแหล่งศึกษาค้นคว้าหาความรู้ของผู้เรียนได้ตามจุดมุ่งหมาย สภาพแวดล้อมเพื่อการเรียนรู้ทั้งมวลที่จัดขึ้นมาเพื่อการเรียนการสอนนั้น ก็คือ การเรียนการสอนนั่นเอง


เอ็ดการ์ เดล ได้กล่าวสรุปถึงความสำคัญของสื่อการสอน ดังนี้
1.สื่อการสอน ช่วยสร้างรากฐานที่เป็นรูปธรรมขึ้นในความคิดของผู้เรียน การฟังเพียงอย่างเดียวนั้น ผู้เรียนจะต้องใช้จินตนาการเข้าช่วยด้วย เพื่อให้สิ่งที่เป็นนามธรรมเกิดเป็นรูปธรรมขึ้นในความคิด แต่สำหรับสิ่งที่ยุ่งยากซับซ้อน ผู้เรียนย่อมไม่มีความสามารถจะทำได้ การใช้อุปกรณ์เข้าช่วยจะทำให้ผู้เรียนมีความเข้าใจและสร้างรูปธรรมขึ้นในใจได้

2.สื่อการสอน ช่วยเร้าความสนใจของผู้เรียน เพราะผู้เรียนสามารถใช้ประสาทสัมผัสได้ด้วยตา หู และการเคลื่อนไหวจับต้องได้แทนการฟังหรือดูเพียงอย่างเดียว
3.ป็นรากฐานในการพัฒนาการเรียนรู้และช่วยความทรงจำอย่างถาวร ผู้เรียนจะสามารถนำประสบการณ์เดิมไปสัมพันธ์กับประสบการณ์ใหม่ ๆ ได้ เมื่อมีพื้นฐานประสบการณ์เดิมที่ดีอยู่แล้ว
4.ช่วยให้ผู้เรียนได้มีพัฒนาการทางความคิด ซึ่งต่อเนื่องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทำให้เห็นความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับสิ่งต่าง ๆ เช่น เวลา สถานที่ วัฏจักรของสิ่งมีชีวิต
5.ช่วยเพิ่มทักษะในการอ่านและเสริมสร้างความเข้าใจในความหมายของคำใหม่ ๆ ให้มากขึ้น ผู้เรียนที่อ่านหนังสือช้าก็จะสามารถอ่านได้ทันพวกที่อ่านเร็วได้ เพราะได้ยินเสียงและได้เห็นภาพประกอบกันประเภทของสื่อการสอน



โรเบิร์ต อี.ดี.ดีฟเฟอร์ แบ่งประเภทของสื่อการสอนโดยมีทั้งหมด 10 ขั้นดังแผนภาพต่อไปนี้







1.วัสดุที่ไม่ต้องฉาย ได้แก่ รูปภาพ แผนภูมิ กราฟ ของจริง ของตัวอย่าง หุ่นจำลอง แผนที่ กระดาษสาธิต ลูกโลก กระดานชอล์ค กระดานนิเทศ กระดานแม่เหล็ก การแสดงบทบาท นิทรรศการ การสาธิต และการทดลองเป็นต้น
2.วัสดุฉายและเครื่องฉาย ได้แก่ สไลด์ ฟิล์มสตริป ภาพโปร่งใส ภาพทึบ ภาพยนตร์ และเครื่องฉายต่าง ๆ เช่น เครื่องฉายภาพยนตร์ เครื่องฉายสไลด์ และฟิล์มสตริป เครื่องฉายกระจกภาพ เครื่องฉายภาพข้ามศีรษะ เครื่องฉายภาพทึบแสง เครื่องฉายภาพจุลทัศน์ เป็นต้น
3.โสตวัสดุและเครื่องมือ ได้แก่ แผ่นเสียง เครื่องเล่นจานเสียง เทป เครื่องบันทึกเสียง เครื่องขยายเสียง และวิทยุ เป็นต้น


ศาสตราจารย์สำเภา วรางกูร ได้แบ่งประเภทและชนิดของสื่อการสอน ดังนี้


ประเภทวัสดุโสตทัศน์ (Audio-Visual Materials)


1.ประเภทภาพประกอบการสอน(Picture Instructional Materials)
- ภาพที่ไม่ต้องฉาย (Unprojected Pictures)
- ภาพเขียน (Drawing)ภาพแขวนผนัง (Wall Pictures)
- ภาพตัด (Cut-out Pictures)
- สมุดภาพ (Pictorial Books, Scrapt Books)
- ภาพถ่าย (Photographs)
- ภาพที่ต้องฉาย (Project Pictures)
- สไลด์ (Slides)
ฟิล์มสตริป (Filmstrips)
- ภาพทึบ (Opaque Projected Pictures)
- ภาพโปร่งแสง (Transparencies)
- ภาพยนตร์ 16 มม., 8 มม., (Motion Pictures)
- ภาพยนตร์ (Video Tape)


2.ประเภทวัสดุอุปกรณ์ลายเส้น (Graphic Instructional Materials)
- แผนภูมิ (Charts)
- กราฟ (Graphs)
- แผนภาพ (Diagrams)
- โปสเตอร์ (Posters)
- การ์ตูน (Cartoons, Comic strips)
- รูปสเก็ช (Sketches)
- แผนที่ (Maps)
- ลูกโลก (Globe)


3.ประเภทกระดานและแผ่นป้ายแสดง (Instructional Boards and Displays)
- กระดานดำหรือกระดานชอล์ก (Blackboard,Chalk Board)
- กระดานผ้าสำลี (Flannel Boards)
- กระดานนิเทศ (Bulletin Boards)
- กระดานแม่เหล็ก (Magnetic Boards)
- กระดานไฟฟ้า (Electric Boards)


4.ประเภทวัสดุสามมิติ (Three-Dimensional Materials) มีดังนี้
- หุ่นจำลอง (Models)
- ของตัวอย่าง (Specimens)
- ของจริง (Objects)
- ของล้อแบบ (Mock-Ups)
- นิทรรศการ (Exhibits)
- ไดออรามา (Diorama)
- กระบะทราย (Sand Tables)


5.ประเภทโสตวัสดุ (Auditory Instructional Materials)
- แผ่นเสียง (Disc Recorded Materials)
- เทปบันทึกเสียง (Tape Recorded Materials)
- รายการวิทยุ (Radio Program)


6.ประเภทกิจกรรมและการละเล่น (Instructional Activities and Plays)
- การทัศนาจรศึกษา (Field Trip)
- การสาธิต (Demonstrations)
- การทดลอง (Experiments)
- การแสดงแบบละคร (Drama)
- การแสดงบทบาท (Role Playing)
- การแสดงหุ่น (Pupetry)
- ประเภทเครื่องมือโสตทัศนูปกรณ์ (Audio-Visual Equipments)
- เครื่องฉายภาพยนตร์ 16 มม. , 8 มม.
- เครื่องฉายสไลด์และฟิล์มสตริป (Slide and Filmstrip Projector)
- เครื่องฉายภาพทึบแสง (Opaque Projectors)
- เครื่องฉายภาพข้ามศีรษะ (Overhead Projector)
- เครื่องฉายกระจกภาพ (3 1/4 "x 4" หรือ Lantern Slide Projector)
- เครื่องฉายภาพจุลทัศน์ (Micro-Projector)
- เครื่องเล่นจานเสียง (Record Plays)
- เครื่องเทปบันทึกภาพ (Video Recorder)
- เครื่องรับโทรทัศน์ (Television Receiver)
- จอฉายภาพ (Screen)
- เครื่องรับวิทยุ(Radio Receive)
- เครื่องขยายเสียง(Amplifier)
- อุปกรณ์เทคโนโลยีแบบใหม่ต่างๆ (Modern Instructional Technology Devices) เช่น โทรทัศนศึกษา ห้องปฏิบัติการภาษา
- โปรแกรมเรียน (Programmed Learning) และอื่นๆ
http://www.la.ubu.ac.th/Thai/Research/Data/Detail/COMPARE/unit2_2.html

การออกแบบสื่อ


การออกแบบสื่อ
องค์ประกอบที่สำคัญในการเรียนการสอนคือสิ่งที่ครูมักนำไปประกอบการเรียนการสอนนั่นก็คือ สื่อการสอนนั่นเอง สื่อการสอนนับว่ามีประโยชน์มากเพราะสื่อการสอนเปรียบเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ผู้เรียนได้เข้าใจในเนื้อหาและได้เห็นภาพได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้นมากกว่าที่ครูผู้สอนการออกแบบสื่อ
สื่อการสอน คือ การนำสื่อมาใช้ในการเรียนการสอน ซึ่งเป็นการนำวัสดุ เครื่องมือและวิธีการมาประกอบในการถ่ายทอดความรู้และเนื้อหาไปยังผู้เรียน เพื่อให้ผู้เรียนเกิดความรู้ในสิ่งที่ครูได้ถ่ายทอด รวมไปถึงมีความเข้าใจตรงตามเนื้อหา นอกจากนี้ยังช่วยให้ผู้เรียนเรียนรู้ได้ง่ายยิ่งขึ้น และช่วยประหยัดเวลา
หลักในการใช้สื่อ ในการพิจารณาเลือกใช้สื่อการสอนแต่ละครั้งครูควรพิจารณาถึงความเหมาะสมของสื่อการสอนแต่ละชนิด ดังนี้
1.ความเหมาะสม สื่อที่จะใช้นั้นเหมาะสมกับเนื้อหาและวัตถุประสงค์ของการสอนหรือไม่
2.ความถูกต้อง สื่อที่จะใช้ช่วยให้นักเรียนได้ข้อสรุปที่ถูกต้องหรือไม่
3.ความเข้าใจ สื่อที่จะใช้นั้นควรช่วยให้นักเรียนรู้จักคิดอย่างมีเหตุผลและให้ข้อมูลที่ถุกต้องแก่นักเรียน
4.ประสบการณ์ที่ได้รับ สื่อที่ใช้นั้นช่วยเพิ่มพูนประสบการณ์ให้แก่นักเรียน
5.เหมาะสมกับวัย ระดับความยากง่ายของเนื้อหาที่บรรจุอยู่ในสื่อชนิดนั้น ๆ เหมาะสมกับระดับความสามารถ ความสนใจ และความต้องการของนักเรียนหรือไม่
6.เที่ยงตรงในเนื้อหา สื่อนั้นช่วยให้นักเรียนได้เรียนรู้เนื้อหาที่ถูกต้องหรือไม่
7.ใช้การได้ดี สื่อที่นำมาใช้ควรทำให้เกิดประสิทธิภาพในการเรียนรู้ได้ดี
8.คุ้มค่ากับราคา ผลที่ได้จะคุ้มค่ากับเวลา เงิน และการจัดเตรียมสื่อนั้นหรือไม่
9.ตรงกับความต้องการ สื่อนั้นช่วยให้นักเรียนร่วมกิจกรรมตามที่ครูต้องการหรือไม่
10.ช่วยเวลาความสนใจ สื่อนั้นช่วยกระตุ้นให้นักเรียนสนใจในช่วงเวลานานพอสมควรหรือไม่


1) หลักการเลือก (Selection)
โนเอล และลีโอนาร์ด (Noel and Leonard. 1962 :26–28 ) ให้หลักการเลือกสื่อการสอนไว้ ดังนี้
1. มีความเหมาะสมกับระดับสติปัญญาของผู้เรียน
2. เหมาะสมกับประสบการณ์เดิมของผู้เรียน
3. เหมาะสมกับความต้องการและความสนใจของผู้เรียน
4. เหมาะสมกับเรื่องที่สอน
5. มีลักษณะที่น่าสนใจ
6. ตรงกับจุดประสงค์ในการสอน
7. ไม่เสียเวลาในการใช้มากเกินไป
8. เป็นแบบง่าย ๆ และไม่ซับซ้อนจนเกินไป
9. ช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจเนื้อหาได้ดีขึ้น
10. ช่วยให้การเสริมสร้างเจตคติที่ดีแก่ผู้เรียน
11. ช่วยเพิ่มทักษะให้แก่ผู้เรียน
12. ให้ผลดีต่อการเรียนการสอนมากที่สุด
13. ราคาไม่แพงจนเกินไป

เดล (Dale. 1969 : 175 – 179 ) ได้ให้ข้อเสนอแนะในการเลือกสื่อการสอน ไว้ดังนี้
1. สื่อการสอนนั้นจะสามารถให้แนวคิดที่ถูกต้องได้เพียงใด
2. สื่อการสอนนั้นจะสามารถสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องในสิ่งที่เรียนได้ดี เพียงใด
3. สื่อการสอนนั้น ๆ เหมาะสมกับวัย สติปัญญา และประสบการณ์ต่าง ๆของผู้เรียนเพียงใด
4. สภาพแวดล้อมเหมาะที่จะใช้สื่อการสอนนั้น ๆ หรือไม่
5. มีข้อเสนอแนะสั้น ๆ ในการใช้สื่อการสอนนั้นสำหรับครูหรือไม่
6. สื่อการสอนนั้นสามารถกระตุ้นให้ผู้เรียนพัฒนาทางด้านความคิดได้หรือไม่

อีริคสัน (Erickson. 1971 : 97– 99) แนะนำว่าครูควรเลือกสื่อการสอนโดยพิจารณาจากคำถามต่อไปนี้
1.สื่อการสอนนั้นเป็นประโยชน์ต่อหน่วยการสอน และเป็นกิจกรรมในการแก้ปัญหาประสบการณ์เฉพาะหรือไม่
2.เนื้อหาที่ต้องใช้สื่อการสอนในการสื่อความหมายนั้นเป็นประโยชน์และสำคัญต่อผู้เรียน ชุมชน และสังคมหรือไม่
3.สื่อการสอนนั้นเหมาะกับจุดประสงค์การสอนหรือเป้าหมายของผู้เรียนหรือไม่
4.มีการตรวจสอบระดับความยากของจุดประสงค์การสอนเกี่ยวกับความเข้าใจความสามารถ เจตคติ และความนิยม
5.สื่อการสอนนั้นให้ความสำคัญต่อประสบการณ์จากการคิด การโต้ตอบ การอภิปรายและการศึกษา
6.เนื้อหาที่สอนในรูปของปัญหา และกิจกรรมของผู้เรียนหรือไม่
7.สื่อการสอนนั้นให้แนวคิดที่มีความสัมพันธ์กันหรือไม่
8.สื่อการสอนนั้นให้เนื้อหาความรู้เกี่ยวกับขนาด อุณหภูมิ น้ำหนัก ระยะทางการกระทำ กลิ่น เสียง สี ความมีชีวิตชีวา อารมณ์หรือไม่
9.สื่อการสอนนั้นให้ความแน่นอนและทันสมัยหรือไม่
10.สื่อการสอนนั้นปรับให้เข้ากับจุดประสงค์ที่พึงปรารถนาได้หรือไม่
11.สื่อการสอนนั้นมีรสนิยมดีหรือไม่
12.สื่อการสอนนั้นใช้ในห้องเรียนธรรมดาได้หรือไม่
13.เนื้อหาความรู้ของสื่อการสอนมีตัวอย่างให้มากหรือไม่

ลัดดา ศุขปรีดี (2523 : 61-62) ได้ให้หลักเกณฑ์ในการเลือกสื่อการสอนและประสบการณ์ในการเรียนการสอนไว้ดังนี้
1.เลือกสื่อและประสบการณ์ที่สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายการสอน
2.เลือกสื่อและประสบการณ์ที่สอดคล้องกับลักษณะการตอบสนองและพฤติกรรมขั้นสุดท้ายของผู้เรียนที่คาดหวังจะให้เกิดขึ้น
3.เลือกสื่อและประสบการณ์ในการเรียนการสอนที่เหมาะสมกับความสามารถและประสบการณ์เดิมของแต่ละคน
4.เลือกสื่อและอุปกรณ์พิเศษที่จะหาได้การเลือกสื่อจะต้องคำนึงถึงความสะดวกในการนำสื่อการสอนนั้นมาใช้และไม่จำเป็นต้องใช้สื่อการสอนที่มีราคาแพงเสมอไป

วาสนา ชาวหา (2522 : 64) ได้เสนอแนวคิดในการเลือกใช้สื่อการสอไว้ดังนี้
1. ให้ความเหมาะสมและสอดคล้องกับจุดมุ่งหมายเชิงพฤติกรรม
2. เหมาะสมกับวัย กิจกรรมหรือประสบการณ์ที่จัดขึ้นเพื่อการเรียนการสอน
3. เหมาะสมกับวัยและความสนใจของผู้เรียน
4. คำนึงความประหยัดและให้ผลคุ้มค่ากับการลงทุนทั้งในด้านเงินทุนและเวลาที่เสียไป
5. ใช้ได้สะดวกและปลอดภัย

ลัดดา ศุขปรีดี (2523 : 61-62) ได้ให้หลักเกณฑ์ในการเลือกสื่อการสอนและประสบการณ์ในการเรียนการสอนไว้ดังนี้
1.เลือกสื่อและประสบการณ์ที่สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายการสอน
2.เลือกสื่อและประสบการณ์ที่สอดคล้องกับลักษณะการตอบสนองและพฤติกรรมขั้นสุดท้ายของผู้เรียนที่คาดหวังจะให้เกิดขึ้น
3.เลือกสื่อและประสบการณ์ในการเรียนการสอนที่เหมาะสมกับความสามารถและประสบการณ์เดิมของแต่ละคน
4.เลือกสื่อและอุปกรณ์พิเศษที่จะหาได้การเลือกสื่อจะต้องคำนึงถึงความสะดวกในการนำสื่อการสอนนั้นมาใช้และไม่จำเป็นต้องใช้สื่อการสอนที่มีราคาแพงเสมอไป

ไชยยศ เรืองสุวรรณ(2526:157)กล่าวว่าการเลือกสื่อการสอนเพื่อนำมาเกื้อหนุนให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพนั้นเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งเพราะหากครูเลือกสื่อที่ไม่เหมาะสมเข้ามาใช้ในการเรียนการสอนแล้ว การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนนั้นอาจไม่บรรลุสำเร็จตามจุดมุ่งหมายควรเลือกสื่อการสอนโดยยึดหลัก ดังนี้
1. สื่อต้องสัมพันธ์กับจุดมุ่งหมายและเรื่องที่จะสอน
2. สื่อที่ต้องเหมาะสมกับความรู้และประสบการณ์ของผู้เรียน
3. เหมาะสมกับวัยและระดับของผู้เรียน
4. เนื้อหาและวิธีใช้ไม่ยุ่งยากและซับซ้อนจนเกินไป
5. น่าสนใจและทันสมัย
6. เนื้อหามีความถูกต้อง
7. เทคนิคการผลิตดี เช่น ขนาด สี เสียง ภาพ ความจริง เป็นต้น
8. เป็นสื่อที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียน
9. สามารถนำเข้าร่วมในกิจกรรมการเรียนการสอนได้ดี
10.ถ้ามีสื่อการสอนหลายอย่างในเรื่องเดียวกันให้กำหนดว่าสื่อใดเหมาะสมที่สุดที่จะให้ความรู้ความเข้าใจแก่ผู้เรียนได้ดีที่สุด ในเวลาอันสั้น

สุนันท์ สังข์อ่อง(2526:16–18)ได้กำหนดเกณฑ์ในการพิจารณาเลือกใช้สื่อการสอนให้เหมาะสมและเกิดประสิทธิภาพครูอาจพิจารณาโดยใช้คำถามต่อไปนี้เป็นแนวทางสื่อที่จะนำมาช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้เนื้อหาตามหลักสูตรหรือไม่
1. สื่อชนิดนั้นเหมาะสมกับวัยหรือระดับชั้นของผู้เรียนหรือไม่
2. สื่อชนิดนั้นให้เนื้อหาความรู้ที่ทันเหตุการณ์และเวลาในขณะนั้นหรือไม่มีความถูกต้องน่าเชื่อถือในเนื้อหาที่เสนอให้แก่ผู้เรียนมากน้อยเพียงใด
3. สื่อชนิดนี้ช่วยกระตุ้นให้ผู้เรียน คิดและสืบเสาะหาความรู้ได้มากกว่าที่จะไม่ใช้สื่อการสอนหรือไม่
4. สื่อชนิดนั้นช่วยเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ทำกิจกรรมเป็นกลุ่มใหญ่หรือรายบุคคลหรือไม่
5. ระยะเวลาในการเลือกสื่อการสอนนั้นเหมาะสมหรือไม่
6. สื่อชนิดนั้นเป็นที่น่าสนใจในด้านเทคนิคการผลิตหรือไม่ เช่น ลักษณะการจัดภาพเสียง ขนาด รูปแบบของการเสนอ เป็นต้น
7. คุ้มกับเวลาการลงทุนหรือไม่ ถ้าจำแนกสื่อนั้นมาใช้
8. สื่อชนิดนั้นเป็นที่ดึงดูดใจและน่าสนใจหรือไม่
9. สื่อนั้นช่วยเสนอแนะกิจกรรมอื่น ๆ ที่ผู้เรียนอาจปฏิบัติเพิ่มเติมได้หรือไม่

หลักการเตรียม (Preparation)
อีริคสันและเคิร์ล(EricksonandCurl.1972:163–170)ได้กล่าวถึงการเตรียมก่อนการใช้สื่อการสอนต้องเตรียมความพร้อมให้กับผู้เรียนก่อนดังนี้
1. พัฒนาการสร้างความพร้อมเฉพาะอย่าง เช่น จะให้ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนการสอน ตอนไหน อย่างไร
2. แนะนำผู้เรียนเพื่อเป็นการเร้าให้เกิดการเรียนรู้จากสื่อที่ครูเลือกมา
3. สร้างกิจกรรมการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับสื่อการสอน
4. เลือกหาวิธีที่เหมาะสม ที่จะนำไปสู่การใช้สื่อการสอนนั้น ๆ
5. ใช้แหล่งการเรียนอื่น ๆ เพื่อสร้างความพร้อมให้เกิดขึ้นกับตัวผู้เรียนนอกจากนั้นยังต้องเตรียมและควบคุมเกี่ยวกับสิ่งอำนวยความสะดวกและจัดสถานการณ์ เพื่อให้ผู้เรียนการใช้สื่อการสอนนั้นคุ้มค่ากับเวลา และทำให้ผู้เรียนมีความตั้งใจ และมีส่วนร่วมในการเรียนการสอน
ครูควรมีความสามารถและทักษะพื้นฐานดังนี้
1. สามารถใช้เครื่องมือเทคโนโลยีทางการศึกษาได้
2. สามารถป้องกันและแก้ไขข้อขัดข้องของเครื่องมือต่าง ๆ ได้
3. สามารถจัดสภาพห้องเรียนได้ดี ถ้าเป็นการฉายก็สามารถจัดสภาพฉายได้ดี
4. สามารถติดตั้งเครื่องมือต่าง ๆ ได้
5. ติดตั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม สะดวกต่อการใช้และการติดตามและเปิดโอกาสผู้เรียนได้เข้ามีส่วนร่วมได้เป็นอย่างดี
6. สามารถวางแผนกำหนดช่วงเวลาได้อย่างเหมาะสม

บราวน์ และคณะ (Brown and others. 1983 : 69–70) ได้กล่าวถึงการเตรียมก่อนการใช้สื่อการสอนดังนี้
1. การเตรียมตัวครู หมายถึง การทดลองใช้สื่อต่าง ๆ ก่อนที่จะนำไปใช้จริงในการเรียนการสอน
2. การเตรียมสภาพแวดล้อม ได้แก่ การเตรียมวัสดุและเครื่องมือต่าง ๆ ให้อยู่ในสภาพการใช้งานได้ทันที และติดตั้งวัสดุและเครื่องมือได้อย่างเหมาะสม
3. เตรียมชั้นเรียน เป็นการเตรียมผู้เรียนโดยชี้แนะหรือแนะนำผู้เรียนว่า จะเรียนรู้อะไรบ้างจากสื่อ และจะต้องทำอะไรบ้างเมื่อจะใช้สื่อ

สันทัด ภิบาลสุข และพิมพ์ใจ ภิบาลสุข (2526 : 4–48) ได้กล่าวถึง การเตรียมก่อนการใช้สื่อการสอนว่า ควรเตรียมผู้สอน ผู้เรียน และชั้นเรียน ดังนี้
ก. การเตรียมตัวของผู้สอน
1. พิจารณาคุณค่า และจุดมุ่งหมายของบทเรียนที่จะสอน
2. พิจารณาความสนใจและความต้องการของผู้เรียน
3. พิจารณาถึงสิ่งที่จะเป็นปัญหาในการสอน
4. การเตรียมแผนการสอน
5.จัดหาหรือผลิตสื่อการสอน ซึ่งจะแก้ปัญหาของการเรียนในชั้นเรียนที่ได้พิจารณาเลือกไว้
6. พิจารณาถึงวิธีที่จะใช้สื่อการสอนนั้นให้ได้ผลดีที่สุด
7. เตรียมและทดลองใช้สื่อการสอนก่อนการใช้จริงในห้องเรียน
8.เตรียมอุปกรณ์ หรือสื่อการสอนที่เหมาะสม เพื่อแจกจ่ายให้กับผู้เรียน เช่นคำบรรยายประกอบการสอน
9. ถ้าจำเป็นต้องมีผู้ช่วยในการฉายหรือบริการอื่น ๆ ควรจะได้มีการซักซ้อมความเข้าใจกันเสียก่อน
10.จัดเรียงลำดับสื่อการสอนที่จะใช้ไว้ตามลำดับก่อนหลังที่ต้องการแล้ววางไว้ในที่เหมาะสม

ข. การเตรียมผู้เรียน
1.อธิบายให้ผู้เรียนทราบล่วงหน้าจะใช้สื่ออะไร สอนอะไร เพื่ออะไร ที่ไหน อย่างไร เมื่อไร
2.อธิบายให้ผู้เรียนทราบล่วงหน้าจะต้องมีส่วนร่วมในระหว่างการใช้สื่อการสอนอย่างไรบ้างเช่นคอยสังเกตหรือฟังตรงที่สำคัญการหาคำตอบหรือคำศัพท์ใหม่ซึ่งผู้สอนบอกหรือเขียนเอาไว้ล่วงหน้า
3.อธิบายให้ผู้เรียนเข้าใจว่ากิจกรรมที่ต้องปฏิบัติหลังจากการใช้สื่อการสอนแล้วมีอะไรบ้าง
ค. เตรียมชั้นเรียน
1. เตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกที่จะต้องใช้ร่วมกับสื่อการสอนที่เลือกไว้ เช่น สายไฟ หม้อแปลง แผงติดภาพ ฯลฯ
2. ตรวจสภาพของห้องที่ใช้สื่อการสอนล่วงหน้า การจัดที่นั่ง การตั้งจอและเครื่องฉายที่จ่ายกระแสไฟฟ้า ระยะทางผู้ดูกับจอ การควบคุมแสงสว่างในห้อง ฯลฯ
3. เตรียมเครื่องมือต่าง ๆ ที่จำเป็น เช่น เครื่องฉาย เครื่องบันทึกเสียง โต๊ะจอฉาย ปลั๊กไฟ และหลอดสำรองสำหรับเครื่องฉาย
4. จัดบรรยากาศของห้องให้สะดวกสบาย เช่น การถ่ายเทอากาศ การควบคุมอุณหภูมิ การควบคุมแสงสว่าง และอื่น ๆ

ประโยชน์ของสื่อ
1.เปิดโอกาสให้นักเรียนได้เรียนรู้จากวัตถุที่เป็นรูปธรรม ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้นักเรียนได้สร้างแนวความคิดด้วยตนเอง
2.กระตุ้นให้นักเรียนเกิดความสนใจในเรื่องที่จะเรียนมากขึ้น
3.ช่วยให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ได้ง่ายขึ้นและสามารถจดจำได้นาน
4.ให้ประสบการณ์ที่ส่งเสริมให้นักเรียนทำกิจกรรมต่าง ๆ ด้วยตนเอง
5.นำประสบการณ์นอกห้องเรียนมาให้นักเรียนศึกษาในห้องเรียนได้
แม้ว่าสื่อการสอนจะมีประโยชน์และมีคุณค่าต่อการเรียนการสอน แต่ถ้าครูผู้สอนผลิตสื่อหรือนำสื่อไปใช้ไม่ตรงตามจุดประสงค์และเนื้อหา ก็อาจทำให้สื่อนั้นไม่มีประสิทธิภาพและยังทำให้การสอนนั้นไม่ได้ผลเต็มที่ ดังนั้นครูควรมีความรู้ความเข้าใจในการออกแบบสื่อและการผลิตสื่อด้วย เพื่อให้สื่อนั้นมีประสิทธิภาพในกระบวนการเรียนการสอน การออกแบบสื่อการสอน เป็นขั้นตอนที่มีความสำคัญต่อสัมฤทธิผลของแผนการสอนที่วางไว้ ความน่าสนใจและความเข้าใจในบทเรียนเป็นผลมาจากประเภท ลักษณะ และความเหมาะสมของสื่อที่ใช้
การออกแบบสื่อการสอน คือ การวางแผนสร้างสรรค์สื่อการสอนหรือการปรับปรุงสื่อการสอนให้มีประสิทธิภาพและมีสภาพที่ดี โดยอาศัยหลักการทางศิลปะ รู้จักเลือกสื่อและวิธีการทำ เพื่อให้สื่อนั้นมีความสวยงาม มีประโยชน์และมีความเหมาะสมกับสภาพการเรียนการสอน
ลักษณะการออกแบบที่ดี (Characteristics of Good Design)
1.ควรเป็นการออกแบบที่เหมาะสมกับความมุ่งหมายของการนำไปใช้
2.ควรเป็นการออกแบบที่มีลักษณะง่ายต่อการทำความเข้าใจ การนำไปใช้งานและกระบวนการผลิต
3.ควรมีสัดส่วนที่ดีและเหมาะสมตามสภาพการใช้งานของสื่อ
4.ควรมีความกลมกลืนของส่วนประกอบ ตลอดจนสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมของการใช้และการผลิตสื่อชนิดนั้น
องค์ประกอบของการออกแบบ
1.จุด (Dots)
2.เส้น ( Line)
3.รูปร่าง รูปทรง ( Shape- Form)
4.ปริมาตร ( Volume)
5.ลักษณะพื้นผิว ( Texture)
6.บริเวณว่าง (Space)
7.สี ( Color )
8.น้ำหนักสื่อ ( Value )
การเลือกสื่อ การดัดแปลง และการออกแบบสื่อ (Select , Modify , or Design Materials )การเลือกสื่อที่เหมาะสมนั้นต้องพิจารณาตามหลัก 3 ประการ คือ
1.การเลือกสื่อที่มีอยู่แล้ว ส่วนใหญ่ในสถาบันการศึกษามักจะมีทรัพยากรที่สามารถใช้เป็นสื่อได้อยู่แล้ว ดังนั้น สิ่งที่ผู้สอนต้องกระทำก็คือ ตรวจสอบดูว่ามีสิ่งใดที่จะใช้เป็นสื่อได้บ้าง โดยเลือกให้ตรงกับลักษณะผู้เรียนและวัตถุประสงค์
2.การดัดแปลงสื่อที่มีอยู่แล้ว ให้ใช้ได้ดีและเหมาะสมมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ย่อมขึ้นกับเวลาและงบประมาณในการดัดแปลงสื่อด้วย
3.การออกแบบผลิตสื่อใหม่ ถ้าสื่อนั้นมีอยู่แล้วและตรงกับจุดมุ่งหมายของการเรียนการ สอน เราก็สามารถนำมาใช้ได้เลยแต่ถ้ามีอยู่โดยไม่ตรงกับจุดมุ่งหมายเราก็ใช้วิธีดัดแปลงได้ แต่ถ้าไม่มีสื่อตามที่ต้องการก็ต้องผลิตสื่อใหม่
การออกแบบผลิตสื่อใหม่ ควรคำนึงถึง
1.จุดมุ่งหมาย ต้องพิจารณาว่าต้องการให้ผู้เรียนได้เรียนอะไร
2.ผู้เรียน ควรได้พิจารณาผู้เรียนทั้งโดยรวมว่าเป็นใคร มีความรู้พื้นฐานและทักษะอะไรมาก่อน 3.ค่าใช้จ่าย มีงบประมาณเพียงพอหรือไม่
4.ความเชี่ยวชาญด้านเทคนิค ถ้าตนเองไม่มีทักษะจะหาผู้เชี่ยวชาญแต่ละด้านมาจากแหล่งใด 5.เครื่องมืออุปกรณ์ มีเครื่องมืออุปกรณ์ที่จำเป็นพอเพียงต่อการผลิตหรือไม่
6.สิ่งอำนวยความสะดวก มีอยู่แล้วหรือสามารถจะจัดหาอย่างไร
7.เวลา มีเวลาพอสำหรับการออกแบบหรือไม่
การวัดผลของสื่อและวิธีการ หลังจากที่เราออกแบบสื่อแล้วแล้วนำมาใช้ในกระบวนการเรียนการสอน ก็ควรมีการวัดผลของสื่อ เป็นการวัดประสิทธิภาพของสื่อ ความคุ้มค่าของสื่อต่อผลสัมฤทธิ์การเรียนรู้ วัดเพื่อปรับปรุงสื่อวัดผลถึงระยะเวลาที่ในการนำเสนอสื่อว่าพอเหมาะหรือมากเกินความจำเป็น การวัดผลสื่อนี้เพื่อผลในการใช้ดัดแปลงปรับปรุงให้ดีขึ้นสำหรับการนำไปใช้ในอนาคต เราสามารถที่จะนำเอาผลการอภิปรายในชั้นเรียน การสัมภาษณ์ และการสังเกตผู้เรียนมาใช้เป็นแนวทางในการวัดผลสื่อได้
อ้างอิง : กิดานันท์ มลิทอง.เทคโนโลยีการศึกษาและนวตกรรม.กรุงเทพฯ :สำนักพิมพ์แห่งจุฬาภรณ์มหาวิทยาลัย ,2540.
พฤติพงษ์ เสกศิริรัตน์.การออกแบบสื่อการสอน.กรุงเทพฯ:สำนักพิมพ์โอเดียนสโตร์,มปป. วรรณา เจียมทะวงษ์.ทักษะพื้นฐานของการผลิตสื่อการสอน.ครั้งที่3.ภาควิชาเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการศึกษา.วิทยาลัยครูพระนคร,2532
วารินทร์ รัศมีพรหม.สื่อการสอนเทคโนโลยีทางการศึกษาและการสอนร่วมสมัย. กรุงเทพฯ:โรงพิมพ์ชวนพิมพ์,2531.
สุนันท์ สังข์อ่อง.สื่อการสอนและนวัตกรรมทางการศึกษา.กรุงเทพฯ:O.S. PRINTING HOUSE CO,LTD,2526.
http://sps.lpru.ac.th/script/s
how_article.plmag_id=6&group_
id=25&article_id=281
การติดตามและประเมินผลการใช้สื่อการสอน
โนเอล และ ริโอนาร์ด ได้ให้หลักเกณฑ์ในการติดตามและประเมินผลการใช้สื่อดังนี้
1.ผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันจัดกิจกรรมเพื่อติดตามผล ดังนี้
I ร่วมกันอภิปรายเนื้อหาที่สำคัญ ในระหว่างการใช้โสตทัศนูปกรณ์
II. ร่วมกันทำความเข้าใจเนื้อหาที่ยังไม่เข้าใจ
III. ครูอธิบายความคิดรวบยอดให้เด็กเข้าใจได้ชัดเจน
IV. ร่วมกันจัดกิจกรรมต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มพูนประสบการณ์การเรียนรู้
V. ร่วมกันวางแผนในการนำผลการเรียนรู้ไปใช้ในการแก้ปัญหาอื่น ๆ หรือการเรียนในเรื่องอื่น ๆ ต่อไป
2.ผู้สอนสำรวจดูว่าการใช้สื่อการสอนได้บรรลุตามจุดมุ่งหมายหรือไม่ อาจทำได้ดังนี้
I. ผู้สอนวิจารณ์ผลการเรียนโดยใช้สื่อการสอน
II. ผู้สอนอาจใช้แบบทดสอบวัดผลการเรียนรู้ของผู้เรียน แต่การทดสอบนั้นต้องเป็นไปตามจุดมุ่งหมาย เช่น ถ้าต้องการทราบความเข้าใจก็ต้องออกแบบทดสอบวัดความเข้าใจ ไม่ควรใช้แบบทดสอบความจำ และไม่ควรใช้แบบทดสอบที่มีความซับซ้อนจนเกินไป
เอ็ดการ์ เดล (Edgar Dale) ให้ผู้ใช้ประเมินผลการใช้สื่อการสอนจากคำถามที่ว่า สื่อการสอนเหล่านั้นมีคุณลักษณะดังต่อไปนี้หรือไม่ เพียงไร
1.ให้ภาพพจน์ที่แท้จริงในการสอน
2.ให้เนื้อหาวิชาตรงตามจุดมุ่งหมาย
3.เหมาะสมกับวัย สติปัญญา และประสบการณ์ของผู้เรียน
4.สภาพรูปร่าง และลักษณะของโสตทัศนวัสดุเหล่านั้นเป็นที่พอใจ
5.มีผู้ให้คำแนะนำแก่ครูในการใช้โสตทัศนวัสดุเหล่านั้นให้ได้ประโยชน์
6.ช่วยในการสร้างมนุษยสัมพันธ์
7.ช่วยให้นักเรียนใช้ความคิดพิจารณา
8.ให้ผลคุ้มค่ากับเวลา ค่าใช้จ่าย และความพยายามที่ได้ทำไป
กล่าวโดยสรุป เทคนิคการใช้สื่อ คือ กระบวนการใช้เครื่องมือและวัสดุในการจัดการเกี่ยวกับการเรียนการสอน เช่น การเล่นเกม การจัดสถานการณ์จำลอง การสาธิต การทดสอบ เป็นต้น
การบรรยายหรือสื่อสารให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาของแต่ละวิชานั้น ควรพิจารณารายละเอียดดังในเรื่อง ธรรมชาติในการเรียนรู้ของมนุษย์ ความหมายและความสำคัญของสื่อการสอน และมุมมองในการจัดระบบการเรียนการสอนและสื่อการสอน ซึ่งได้กล่าวแล้วในบทนี้เพื่อเป็นแนวทางในการปรับปรุงการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพต่อไป
การใช้สื่อการสอนเพื่อเกื้อหนุนการเรียนรู้ของผู้เรียนนั้น ผู้สอนจะต้องมีความรู้ความสามารถ และทักษะหลายประการ นับตั้งแต่จิตวิทยาการเรียนรู้ หลักการสอน ระบบการสอน ลักษณะของเทคโนโลยีการสอน และหลักการใช้สื่อการเรียนการสอนอย่างมีระบบและที่สำคัญที่สุด ก็คือ ทักษะในการใช้สื่อเตรียมกิจกรรมการเรียนการสอน โดยอาศัยหลักการสำคัญเป็นขั้นตอน 4 ประการ คือ
1.หลักการเลือก
2.หลักการเตรียม
3.หลักการนำเสนอในชั้นเรียน
4.หลักการประเมินผล
ทั้งนี้มีข้อพึงตระหนักในการใช้สื่อดังนี้
1.ลักษณะหรือคุณสมบัติของสื่อแต่ละประเภท เช่น การเคลื่อนไหว เสียง สี ฯลฯ
2.แนวทางเสนอสื่อแต่ละประเภท เช่น ภาพนิ่ง อาจเสนอด้วยป้ายนิเทศ ฉายด้วยเครื่องฉายวัสดุทึบแสง หรือทำให้เป็นสไลด์เพื่อฉายกับเครื่องฉายสไลด์ เป็นต้น
3.แนวทางการใช้สื่อแต่ละประเภทให้มีประสิทธิภาพ
http://www.la.ubu.ac.th/Thai/Research/Data/
Detail/COMPARE/unit2_5.html
การใช้สื่อการสอน
1.ใช้สื่อการสอนในขั้นนำเข้าสู่บทเรียน ทั้งนี้เพื่อเร้าผู้เรียนให้เกิดความสนใจ และเปลี่ยนพฤติกรรมในเบื้องต้น โดยปรับตนเองให้พร้อมที่จะเรียนรู้บทเรียนใหม่ ซึ่งอาจกระทำได้โดยการรื้อฟื้นความรู้เดิม (assimilation) หรือขยายความรู้เดิม (accommodation) เพื่อนำมาใช้ให้ประสานกันกับความรู้ใหม่ ซึ่งจะเรียนในขั้นต่อไป
2.ใช้สื่อการสอนในขั้นประกอบการสอนหรือขั้นดำเนินกิจกรรมการเรียนการสอนเพื่อช่วยให้ความกระจ่างในเนื้อหาที่เรียนหรือทำให้ผู้เรียน เรียนรู้ได้ง่ายขึ้นและเข้าใจข้อเท็จจริงในเนื้อหาอย่างแท้จริงในรูปของการเกิด Concept เข้าใจหลักการสำคัญ และมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไปในแนวทางที่ดีขึ้นตามจุดประสงค์เชิงพฤติกรรมที่ได้กำหนดไว้
3.ใช้สื่อการสอนเพื่อขยายขอบเขตความรู้ของผู้เรียนให้ก้าวหน้าและเจริญงอกงามทั้งในด้านความกว้างและความลึกของภูมิปัญญา ซึ่งเป็นผลของการเรียนอย่างแท้จริง
4.ใช้สื่อการสอนเพื่อย่อสรุปเนื้อหาสำคัญของบทเรียนเกิดเป็น Concept ในเนื้อหาแต่ละเรื่องใช้สื่อการสอนเพื่อส่งเสริมผู้เรียนให้มีการฝึกและพัฒนาตนเองให้รู้จักขั้นตอนและมีความคิดสร้างสรรค์ (Control and Creativity)
http://www.la.ubu.ac.th/Thai/Research/Data/Detail/COMPARE/unit2_4.html

ตัวอย่างสื่อวัสดุกราฟิก

ตัวอย่างสื่อวัสดุกราฟิก

ตัวอย่างสื่อประชาสัมพันธ์ ( แผ่นพับ )

ตัวอย่างกราฟและภาพสี













ตัวอย่างแผนภูมิ และ ตัวอย่างภาพลายเส้น

การเรียนโปรแกรม Photoshop

โปรแกรม Photoshop เป็นโปรแกรมในตระกูล Adobe ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ใช้ในการตกแต่งภาพ หัวใจสำคัญของ Photoshopคือ Layer

วิธีการตั้งค่าหน้ากระดาษ มีดังนี้
ไปที่เมนู File/New แล้วกำหนดค่าต่าง ๆ คือ
Width : กำหนดความกว้างของกระดาษ
Height : กำหนดความสูงของกระดาษ
มีหน่วยเป็น Pixel,inches,cm.,mm.ให้กำหนดเองแล้วแต่กรณี
Resolution : เลือกเป็น 300 DPI



โหมด RGB : เป็นแม่สีของแสง
- R = สีแดง (Red)
- G = สีเขียว (Green)
- B = สีน้ำเงิน (Blue)

โหมด CMYK : เม็ดสี, ฝุ่นสี
- C = สีฟ้า (Cyan)
- M = สีม่วงแดง(Mageta)
- Y = สีเหลือง (Yellow)
- K = สีดำ (Black)

การตัดภาพด้วยเครื่องมือแบบต่างๆ
การตัดภาพในโปรแกรม Photoshop นั้นสามารถทำได้หลากหลายวิธี
1. การตัดภาพด้วย Magic Wand Tool เครื่องมือนี้จะทำการเลือก
Selection โดยการเลือกเอาส่วนที่เป็นสีแนวเดียวกันไว้ด้วยกัน


เครื่องมือ Magic Wand Tool

เลือกวัตถุในภาพที่มีสีเดียวกัน ในขอบเขตเดียวกัน

สามารถทำการเลือกเพิ่มได้ โดยการกด Shift ค้างไว้

สามารถตัดภาพ โดยดึงออกโดยใช้เครื่องมือ Move Tool

2. ตัดภาพโดยใช้ Lasso Tool เครื่องมือนี้นำมาใช้สำหรับในการเลือกพื้นที่ของภาพทีเราต้องการจะนำไปใช้เครื่องมืออันนี้จะอยู่ในหมวด Lassoเครื่องมือ Polygonal นี้เป็นเครืองมือที่ 2 การใช้งานคล้ายๆ กับ Lasso
เราลองมาใช้กันดูดีกว่า เครื่องมือนี้อยู่ที่ไหน ?





ตัวอย่างการใช้งาน
การเลือกส่วนที่เป็นตาของเป็ด

1.> ให้เราเปิดภาพเป็ดขึ้นมา ดังภาพ



2.> หลังจากนั้นเลือกเครื่องมือ Polygonal Lasso
แล้วใช้เครื่องมือคลิกให้รอบส่วนที่เราต้องการ ดังภาพ






3.> หลังจากนั้นเราก็สามารถนำส่วนที่เราเลือกไปใช้กับงานที่เราต้องการได้
pen tool จะอยู่ในรูปของปากกา


เลือกทำการปรับเปลี่ยนลักษณะเป็น Path






ทำการวาดเส้นรอบวัตถุที่จะทำการเลือกตัด จนได้เป็นเส้นปิด
กด Ctrl + Enter เพื่อสร้าง Selection และ
ใช้ Move Tool ในการตัดเลื่อนวัตถุ

ที่มา: http://gotoknow.org/blog/com

การบันทึกงาน
- เก็บไฟล์ต้นฉบับไว้เสมอ (.psd เมื่อใช้ PhotoShop) เนื่องจากสามารถแก้ไขงานได้
- เลือกประเภทไฟล์ใช้งานให้เหมาะสม

การบันทึกงานในนามสกุลต่างๆ
- บันทึกเป็น . psd เนื่องจากสามารถแก้ไขงานได้
- บันทึกเป็น .gif ภาพที่มีสีน้อย, ต้องการความคมชัดต่ำ ภาพที่ต้องการความคมชัดสูงๆ
- บันทึกเป็น JPEG แสดงสีมากๆ เป็นภาพที่สมบูรณ์แล้ว ไม่เปลืองพื้นที่

การเรียนโปรแกรม Power Point

Desktop คือ พื้นโต๊ะเรียนหรือโต๊ะทำงาน ไว้วางวัตถุต่างๆ เช่น Icon ต่างๆ
Icon คือ สัญลักษณ์ (ที่สามารถเปลี่ยนได้)แต่ symbol เป็นสัญลักษณ์ (ที่ไม่สามารถเปลี่ยนได้)Shortcut คือ ทางลัดการเข้าสู่เมนู Microsoft office และเมนูย่อยต่างๆ มีหลายวิธี ดังนี้
วิธีที่ 1
1. คลิกซ้ายที่ Start
2. Programs
3. Microsoft office
4. โปรแกรมย่อยต่างๆ

วิธีที่ 2
1. คลิกขวาที่ Start
2. Explore
3. Program files (อยู่ใน C :)
4. Microsoft office
5. OFFICE 11
6. โปรแกรมย่อยต่างๆ

วิธีที่ 3
1. My Computer
2. เลือก C:
3. Program files
4. Program files (อยู่ใน C :)
5. Microsoft office
6. OFFICE 11
7. โปรแกรมย่อยต่างๆ

วิธีที่ 4
1. Start
2. Programs
3. Microsoft PowerPoint
4. คลิกขวา
5. Send to
6. Desktop

วิธีที่ 5
1. Start
2. Programs
3. Microsoft shortcut (จะมีถ้าลงโปรแกรมสมบูรณ์)

- การลบกล่องข้อความ ทำได้ โดย Ctrl A+ Delete
- การเพิ่มจำนวนสไลด์ใน Microsoft PowerPoint ทำได้ดังนี้ Ctrl C, V
- การลบสไลด์ ตัวอย่างเช่น 11-60 มีวิธีดังนี้ ลากแถบสีดำตั้งแต่ 11-60 แล้วกด Delete
- การเลือกบางสไลด์ คลิกซ้ายเลือกสไลด์ที่ต้องการลบ แล้วกด Ctrl คลิกซ้ายเลือก แล้วกด Delete

การสร้าง Blog



1.การสร้าง blogger เข้าไปที่ http://www.blogger.com/ จะเกิดหน้าต่างขึ้นคลิกที่แถบลูกศรสีส้ม create your blog now
2.เกิดหน้าต่าง ขั้นที่ 1 create account พิมพ์รายละเอียดต่างๆให้ครบกด continue
3.เกิดหน้าต่าง ขั้นที่ 2 name your blog พิมพ์รายละเอียดต่างๆให้ครบกด continue
4.เกิดหน้าต่าง choose a template เพื่อเลือกลวดลายของหน้าต่างที่เราจะใช้เป็น web page มี 12 ลายให้เลือก เมื่อเลือกได้แล้วก็คลิก continue
5.หลังจากนั้นจะเกิดหน้าต่าง your blog has been created คลิก start postingเพื่อเริ่มสร้าง blog ตอนนี้ก็ถือว่าเสร็จสิ้น การสร้าง blogger แล้ว เพื่อนๆๆสามารถทำได้อย่างง่ายๆ
โดยวิธีตามนี้แล้ว ขอให้สร้าง blog กันได้ทุกคนนะ

สื่อวัสดุกราฟิก สีไม้

การออกแบบกราฟิก
ความหมาย
การออกแบบ หมายถึง กระบวนการถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดหรือจินตนาการออกมาเป็นรูปแบบต่างๆ ทำให้เราสามารถรับรู้ด้วยประสาทสัมผัส ซึ่งอาจเป็นทางตา หู ผิวสัมผัส รส กลิ่นก็ได้

แนวคิด...การออกแบบ
เกิดจากพื้นฐานทางความคิดและทัศนการสื่อสาร(visual commuication)
ความสำคัญ
การออกแบบเป็นเรื่องของมนุษย์โดยตรง สัตว์อื่นๆไม่สามารถออกแบบได้นอกจากการสร้างงานด้วยสัญชาตญาณเท่านั้น มนุษย์มีการออกแบบเพื่อตอบสนองความต้องการทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ ดังนั้นการออกแบบจึงเกิดขึ้นพร้อมๆกับการเกิดของมนุษย์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และตั้งแต่เกิดจนตาย

เป้าหมาย
1. เพื่อความสะดวกสบายและตอบสนองความต้องการของมนุษย์
2. เพื่อการสร้างสรรค์และแสดงคุณค่าของผลงาน
3. เพื่อการวางแผนในเชิงทรัพยากรหรือการลดต้นทุน
4. เพื่อการประหยัดเวลาในการนำเสนอข่าวสาร
5. เพื่อประสิทธิภาพในการสื่อสารให้ผู้รับเข้าใจได้อย่างถูกต้อง

คุณสมบัติของนักออกแบบ
1. มีความรู้ความสามารถและทักษะในการออกแบบ
2. เข้ากระบวนการใช้งานออกแบบได้อย่างเหมาะสม
3. มีวิธีนำเสนอผลงานได้อย่างสร้างสรรค์และโดดเด่น
4. มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีและทัศนคติที่ดีต่อวิชาชีพ
5. สามารถประยุกต์ใช้จิตวิทยาการรับรู้ได้อย่างดี

กราฟิก ใช้กับงานอะไรบ้าง
หนังสือ
ป้ายโฆษณา
เว็บไซต์
แผ่นพับ
ภาพยนตร์
โทรทัศน์
บรรจุภัณฑ์
งานตกแต่ง
นิตยสาร
ผลิตภัณฑ์
วารสาร
นิทรรศการ
ใบปลิว

องค์ประกอบของกราฟิก
• ตัวอักษร(typographic)
• สัญลักษณ์(symbol)
• ภาพประกอบ(Illustrator)
• ภาพถ่าย(photography)

ความแตกต่างการออกแบบ
เป็นการใช้กระบวนการคิดแบบจินตนาการ อิสระ และสร้างสรรค์การวางแผน เป็นการใช้ความคิดเป็นขั้นตอน ที่จะนำไปสู่รูปแบบของจินตนาการ

กระบวนการออกแบบ
1. พิจารณาเนื้อหา
2. วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย
3. วิเคราะห์จุดมุ่งหมายของแต่ละงาน
4. จัดองค์ประกอบให้เหมาะสมกับข้อ 1,2,และ 3

องค์ประกอบ ทัศนศิลป์
เส้น
สี
จุด
รูปร่าง
รูปทรง
พื้นผิว

สี หมายถึง แสงที่ตกกระทบวัตถุแล้วสะท้อนเข้าสู่ตาเรา ทำให้มองเห็นวัตถุเหล่านั้นเป็นสีต่างๆตามคุณลักษณะของแสงที่สะท้อน

การมิติใช้ในการออกแบบ
• มิติ..สีโทนร้อน/สีโทนเย็น
• มิติ..สีกลมกลืน/สีตัดกัน
• มิติ..สีมืด/สีสว่าง

ทฤษฎีสี (Color Theory)

1.โทนเย็น
- เหลือง เขียวอ่อน เขียวแก่
- น้ำเงิน เขียวแก่ เขียวอ่อน
- ดำ น้ำเงิน เขียวแก่
- เหลือง เขียวอ่อน เขียวแก่ น้ำเงิน ดำ

2. โทนร้อน
- เหลือง ส้ม แดง
- ส้ม แดง น้ำตาล
- แดง น้ำตาล ดำ
- เหลือง ส้ม แดง น้ำตาล ดำ

3.รวมระหว่างโทนร้อน และโทนเย็น

- แดง ม่วง น้ำเงิน

- ส้ม เหลือง เขียวอ่อน

- ฟ้า ขาว ชมพู

อ.วิวรรธน์ จันทร์เทพย์

วรรณะสี (Tone) หลังจากทราบเรื่องวงจรของสีแล้วต่อไปจะมาทำความเข้าใจกับการใช้สีในวงจรเดียวกันเริ่มต้นที่วรรณสี แบ่งเป็นสองวรรณะ ได้แก่ วรรณสีร้อนกับวรรณสีเย็น โดยสามารถใช้วรรณะสีในการออกแบบให้ได้ความรู้สึกร้อนและเย็นได้ดังนี้
วรรณะสีเย็น (Cold Tone)วรรณสีเย็นมีอยู่ 7 ชนิด ได้แก่สีเหลือง เหลืองเขียว เขียว เขียวน้ำเงิน น้ำเงิน น้ำเงินม่วง ม่วง สีกลุ่มนี้เมื่อใช้ในงานจะได้ความรู้สึกสดชื่น เย็นสบาย เป็นต้น
วรรณะสีร้อน (Warm Tone)วรรณสีร้อนมีอยู่ 7 สี ได้แก่ม่วง ม่วงแดง แดง แดงส้ม ส้ม ส้มเหลือง เหลือง สีกลุ่มนี้เมื่อใช้ในงานจะรู้สึกอบอุ่น ร้อนแรง สนุกสนาน เป็นต้น
Color : สีที่เป็นทั้งวรรณะร้อนและวรรณะเย็นสีเหลืองและม่วงจะอยู่ได้ทั้งสองวรรณะขึ้นอยู่กับสีแวดล้อม เช่น หากนำสีเหลืองไปไว้กับสีแดงและส้มก็กลายเป็นสีโทนร้อน แต่หากนำมาไว้กับสีเขียวก็จะเป็นสีโทนเย็นทันที

อ.มรกต อุ่นเสรี



เส้น
เส้น เป็นองค์ประกอบที่มีรูปลักษณะเป็นรอยยาวต่อเนื่องกันหน้าที่สำคัญของเส้น คือ การแสดงทิศทางลักษณะของเส้นจำแนกได้เป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มเส้นตรงและกลุ่มเส้นไม่ตรง

กลุ่มเส้นตรง
เส้นตรงตั้งฉาก ให้ความรู้สึกมั่นคง สง่า
เส้นตรงแนวนอน ให้ความรู้สึกสงบเงียบ ราบเรียบ
เส้นตรงเฉียง ให้ความรู้สึกรวดเร็ว ไม่มั่นคง ไม่แน่

กลุ่มเส้นไม่ตรง
เส้นโค้ง ให้ความรู้สึกนุ่มนวล อ่อนหวาน
เส้นตรง ให้ความรู้สึกมั่นคง แข็งแรง
เส้นซิกแซก ให้ความรู้สึกรุนแรง ไม่ไว้ใจ ตื่นเต้น

พื้นผิว
พื้นผิว เป็นองค์ประกอบที่ให้ความรู้สึกสัมผัสด้านนอกสุดของวัตถุสิ่งของ
พื้นผิวมี 2 มิติ ได้แก่
1. มิติพื้นผิวเรียบ/พื้นผิวขรุขระ
2. มิติพื้นผิวด้าน/พื้นผิวมันวาวการ

ใช้พื้นผิว กับการออกแบบ
1. พื้นผิวเรียบ ให้ความรู้สึกมีระเบียบ จริงจัง
2. พื้นผิวขรุขระ ให้ความรู้สึกน่ากลัว ลึกลับ
3. พื้นผิวด้าน ให้ความรู้สึกเป็นกันเอง สบายๆ
4. พื้นผิวมันวาว ให้ความรู้สึกตื่นเต้น รวดเร็ว

จุด
เป็นองค์ประกอบที่มีขนาดเล็กที่สุดทำหน้าที่สำคัญ คือ การแสดงตำแหน่งการวางจุดตั้งแต่ 2 จุดขึ้นไปเรียงไปในทิศทางเดียวกันจะทำให้ดูเป็นเส้นแต่ ถ้าวางตำแหน่งไว้ใกล้กันเป็นกลุ่มก้อนจะแลดูเป็นรูปร่างรูปทรงรูปร่าง

รูปร่าง
เป็นลักษณะของพื้นที่ภายในที่ถูกล้อมด้วยเส้นเส้นเดียวที่ลากปลายด้านใดด้านหนึ่งมาบรรจบกันหรือบรรจบช่วงใดช่วงหนึ่งของเส้น ส่วนพื้นที่ด้านนอกของรูปร่างเรียกว่า “พื้น”(ground)รูปร่างมีลักษณะเป็น 2 มิติคือความกว้างกับความยาว รูปร่างที่มีขนาดใหญ่สามารถรองรับองค์ประกอบอื่นได้รูปทรงรูปทรงมีลักษณะเหมือนกับรูปร่าง แต่รูปทรงมี 3 มิติ ได้แก่ ความกว้าง ความยาวและความหนาหรือความลึก

การจัดภาพ หมายถึง การนำองค์ประกอบต่างๆมาเรียบเรียงหรือจัดวางให้ได้ภาพตามที่ต้องการ การจัดภาพจึงเป็นการออกแบบเพื่อการถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดให้เป็นรูปธรรม

หลักการออกแบบ
การออกแบบให้บรรลุวัตถุประสงค์ควรคำนึงถึงหลักใหญ่ๆ 2 ประการ คือ หน้าที่(function) ของชิ้นงาน และความสวยงาม(beauty) ของชิ้นงานความสมดุล หมายถึง ความเท่ากัน เสมอกัน เป็นการออกแบบให้วัตถุนั้นๆสามารถทรงตัวอยู่ได้อย่างมั่นคง แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ
1. ความสมดุลที่เหมือนกันทั้งสองข้างเท่ากัน(Symmetrical/Formal Balance)
2. ความสมดุลทั้งสองข้างไม่เท่ากัน(Asymmetrical/Informal or Occult Balance)

ความกลมกลืน หมายถึง การประสานกัน หรือเป็นการรวมหน่วยต่างๆ ของส่วนประกอบของการออกแบบให้ดูแลเหมาะสมกลมกลืนเป็นหน่วยเดียวกัน มีหลักดังต่อไปนี้
1. ความกลมกลืนที่ทำให้เส้นไปในทางเดียวกัน
2. ความกลมกลืนกันคล้ายคลึงกัน หรือเท่ากัน
3. ความกลมกลืนของรูปร่างและรูปทรง
4. ความกลมกลืนของพื้นผิว
5. ความกลมกลืนของสี
6. ความกลมกลืนในด้านความคิด

ความแตกต่าง หรือ การตัดกัน หมายถึง การออกแบบที่ไม่ให้เกิดการซ้ำซาก โดยจัดส่วนประกอบของการออกแบบ เช่น มีรูปร่าง พื้นผิว สี แตกต่างกันออกไป มีหลายวิธีดังนี้
1. ความแตกต่างในเรื่องเส้น
2. ความแตกต่างด้วยลักษณะพื้นผิว
3. ความแตกต่างในรูปทรงและลักษณะ

การเน้นให้เกิดจุดเด่น หมายถึง การเน้นทำให้เด่นเฉพาะบางแห่งที่ต้องการให้ชวนดูแปลกตา หรือเป็นจุดสนใจและทำให้เกิดความน่าสนใจหลักการเน้น
1.จะเน้นอะไร
2. จะเน้นอย่างไร
3. จะเน้นมากน้อยแค่ไหน
4. จะเน้นที่ตรงไหน

งานสีไม้ ชิ้นใหญ่

ชื่อผลงาน What are they doing ?
สื่อประกอบการเรียนการสอนวิชาภาษาอังกฤษ
สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.1-3)
ใช้ในการสอนคำศัพท์เกี่ยวกับคำกริยา คือ
A : Vocabulary
1. house = บ้าน
2. kitchen = ห้องครัว
3. bathroom = ห้องน้ำ
4. garden = สวน
5. cleaning = ทำความสะอาด
6. washing = การซักล้าง
7. taking a bath = อาบน้ำ
8. watering flower = รดน้ำต้นไม้
9. car = รถยนต์
10. dish = จาน

B : Conversation 1
A A : (Q ) What is his name?
B : ( A ) His name is Jacky.
B A : ( Q ) What is her name?
B : ( A ) Her name is Sara.

C : Conversation 2
1. A : What is he doing?
B : He is cleaning a car.
2. A: What is Sara doing?
B : She is washing a dish.

D : Conversation 3
1. A : Where is he cleaning a car?
B : He is cleaning a car in the garden.
2. A : Where is Sara washing a dish?
B : She is washing a dish in the garden.

E : Fill in the blank

Sara flower dish cleaning
Bathroom kitchen garden

Good morning, my name is Jan. I live in Florida with my family. This is my family’s picture. Jacky is my father. He is ______________ a car in the __________.
In picture B, She is my Mother. Her name is _______________. She is washing a _______________ in the _____________. Next picture, Jimmy is my brother. He is taking a bath in the ___________.The last picture, it’s me. I’m watering___________. in the garden. How about you? What are you doing in you free time?

งานสีไม้ ชิ้นที่ 1


งานนี้เป็นงานสีไม้ชิ้นแรกในสมุดวาดเขียนตั้งใจทำมากๆค่ะ
ชื่อ oo and ee เหตุผลที่ชื่อนี้ เนื่องมาจากเป็นเกมค้นหาคำศัพท์ที่มี
ตัวอักษร oo และ ee
ใช้สอนคำศัพท์เกี่ยวกับวัสดุสิ่งของรอบตัว โดยค้นหาจากในรูปภาพ สามารถใช้ได้กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่4 ขึ้นไปค่ะ เล่นได้ไม่ยาก สนุกและได้ความรู้อีกด้วย ตัวอย่างเช่น
- boots
- sleeves
- books

งานสีไม้ ชิ้นที่ 2


ชื่อเรื่อง Zoo เป็นงานออกแบบสื่อการสอนวิชา
ภาษาอังกฤษ รูปสัตว์สามารถดึงขึ้น- ลงได้
สอนคำศัพท์เกี่ยวกับสัตว์ เช่น
monkey = ลิง
elephant = ช้าง เป็นต้น
นอกจากนี้ยังสามารถสอนการสนทนาได้ เช่น
What is it?
It is a monkey.
ใช้ประกอบการสอนเพื่อเร้าความสนใจระดับ
ประถมศึกษาตอนต้น (ป.1-3)

งานสีไม้ชิ้นที่ 3


ชื่อ Cleaning
เป็นสื่อประกอบการสอนวิชาภาษาอังกฤษ
ใช้สอนคำศัพท์เกี่ยวกับอุปกรณ์การทำความสะอาด
ใช้สอนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 เนื่องจากในรูปภาพนี้อุปกรณ์การ
ทำความสะอาดมากมายและมีคำศัพท์บางคำที่ยากจึงไม่เหมาะสม
ที่ใช้สอนระดับประถมศึกษา
ตัวอย่างคำศัพท์ยาก เช่น
1. bloom = ไม้กวาด
2. vacuum cleaner = เครื่องดูดฝุ่น




งานสีไม้ชิ้นที่ 4

งานชื่อ Clothes ( เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย)
สอนคำศัพท์เกี่ยวกับเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย เช่น
- dress = ชุดกระโปรง
- suit = ชุดสูท
- skirt = กระโปรง
- T-shirt = เสื้อยืด
- shoes = รองเท้า
- cap = หมวก เป็นต้น
ใช้ในการประกอบการสอนนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่1
สามารถเพิ่มกิจกรรม เช่น
- ให้นักเรียนสนทนาเกี่ยวกับการสวมใส่เสื้อผ้าของเพื่อน
- นำคำศัพท์เกี่ยวกับเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายมาสร้างเป็นเกมเติมคำศัพท์ลงในช่องว่าง เช่น
1.su_t
2.d_ess
3.ski_t เป็นต้น
- ให้นักเรียนถาม-ตอบเกี่ยวกับราคาสินค้า ด้วยการใช้ประโยค
How much does it cost ?
It is 200 Baht.
- ให้นักเรียนหารูปภาพเครื่องแต่งกายต่างๆ ที่ตนเองชื่นชอบ พร้อมเขียนคำอธิบายใต้ภาพ
และนำเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน

งานสีไม้ ชิ้นที่ 5


งานชื่อ Months (เดือน)
ใช้ประกอบการสอนวิชาภาษาอังกฤษ เรื่องเดือน มี 12 เดือนใช้สื่อเพื่อเร้าความสนใจของเด็ก เนื่องจากมีรูปภาพกิจกรรม หรือ วันสำคัญๆ ต่างๆเช่น
- October = เดือนตุลาคม
ซึ่งมีเทศกาลวัฮัลโลวีนจึงนำรูปฟักทองแกะสลักมาเป็นสื่อประกอบ
- December = เดือนธัวาคม
ซึ่งตรงกับเทศกาลส่งท้ายปีเก่า-ต้อนรับปีใหม่ จึงมีรูป กล่องของขวัญมาเป็นสื่อ สอนในระดับชั้นประถมศึกษาตอนต้น (ป.1-3)