skip to main
|
skip to sidebar
กมลภัทร
วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2550
ตัวอย่างแผนภูมิ และ ตัวอย่างภาพลายเส้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
บทความใหม่กว่า
บทความที่เก่ากว่า
หน้าแรก
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
เกี่ยวกับฉัน
กมลภัทร
ชื่อเล่น กิ๊ฟท์ เรียนโปรแกรมภาษาอังกฤษ ปี4 เป็นคนอัธยาศรัยดี เข้ากับคนง่าย ตั้งใจเรียนด้วยนะ แล้วก็อยากมีเพื่อนเยอะๆด้วย ตอนนี้ในห้องเรียนคบ.4 ภาษาอังกฤษมีเพื่อนทั้งหมด 20 คน กำลังตั้งใจเรียนและเตรียมความพร้อมในการฝึกสอนในเทอมหน้ากันมากเลย และเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศใน เดื่อนนี้ วันแม่แห่งชาติ กิ๊ฟท์มีบทกลอนมาฝากทุกๆคน ให้รัก และคิดถึงคุณแม่กันมากๆ นะคะ
ดูโปรไฟล์ทั้งหมดของฉัน
คลังบทความของบล็อก
▼
2007
(16)
▼
กันยายน
(16)
กิ๊ฟท์ค่ะ
สวัสดีคะทุกคน วันนี้เรียนกราฟิก
การออกแบบสื่อ
ตัวอย่างสื่อวัสดุกราฟิก
ตัวอย่างกราฟและภาพสี<
ตัวอย่างแผนภูมิ และ ตัวอย่างภาพลายเส้น
การเรียนโปรแกรม Photoshop
การเรียนโปรแกรม Power Point
การสร้าง Blog
สื่อวัสดุกราฟิก สีไม้
งานสีไม้ ชิ้นใหญ่
งานสีไม้ ชิ้นที่ 1
งานสีไม้ ชิ้นที่ 2
งานสีไม้ชิ้นที่ 3
งานสีไม้ชิ้นที่ 4
งานสีไม้ ชิ้นที่ 5
สาระน่ารู้ 1
รักแท้ ของแม่เรา
แม่ แม่ แม่ คำนี้มีความหมาย
มีพระคุณมากมายหลายสถาน
แม่เป็นได้หลายสิ่งหลายประการ
เป็นธนาคาร เป็นพระพรหม เป็นร่มไทร
เป็นผู้ให้กำเนิดเกิดลูกรัก
เป็นผู้ให้ที่พักพิงอาศัย
เป็นผู้ให้ความอบอุ่นทั้งกายใจ
เป็นผู้ให้อะไร อะไรตั้งมากมาย
ลูกเจ็บไข้แม่ก็ให้การรักษา
ลูกโตมาแม่ก็ส่งเรียนหนังสือ
ลูกต้องการตำราแม่หาซื้อ
ลูกปรึกษาหารือ แม่ยินดี
ลูกคนใดกระทำกรรมแก่แม่
ลูกเลวแท้ ชั่วช้า สิ้นราศี
ลูกด่าแม่ ลูกตีแม่ ลูกกาลี
ลูกไม่ดีทำแม่ช้ำน้ำตานอง
น้ำตาแม่รินไหลเมื่อลูกร้าย
น้ำตาแม่เป็นสายเมื่อลูกหมิ่น
น้ำตาแม่หลั่งลงรดแผ่นดิน
เมื่อได้ยินลูกเสเพลเนรคุณ
เรื่องของเรื่องมันมีอยู่ว่า.
.. บ้านหลังหนึ่ง … มีสองแม่ลูกอาศัยอยู่ด้วยกัน ส่วนพ่อนั้น ตายไปนานแล้ว แม่ต้องคอยหาเลี้ยงดูลูกน้อย จนเติบใหญ่ และส่งเสียได้เรียนหนังสือ จนจบการศึกษา
แต่… หลังจากลูกชายเรียนจบ มีงานทำดีๆ ก็ยังขอเงินแม่ใช้อยู่ พอแม่ถามว่า "เงินเดือนแต่ละเดือนไปไหนเหรอลูก เหลือเก็บบ้างไหม?"... คำตอบที่ได้ฟังจากปากลูกชายคือ "เที่ยวหมดแล้วครับแม่ …
เงินเดือนผมก็น้อย ค่าเลี้ยงสาวยังไม่พอเลย แม่จะเอาอะไรกับผมนักหนาเนี่ย! อย่ายุ่งกับผมได้ไหม?"
พอแม่ได้ฟังดังนั้น ก็เงียบ !!! และก็พูดว่า "ที่แม่พูดไม่ใช่แม่อยากได้ตังค์เจ้า … แต่แม่กลัวว่าเจ้าจะไม่รู้จักใช้เงิน เผื่อยามฉุกเฉิน จะได้ไม่ต้องเดือดร้อน หรือ เผื่อลูกไม่มี ขาดเหลือ อะไรแม่จะได้ช่วยเหลือเจ้าได้ และ แม่ …" ยังไม่ทันที่แม่จะพูดจบลูกชาย ก็เดินจากไป…
อยู่มาวันหนึ่ง . . . ลูกชายก็เดินเข้าไปหาแม่ในครัว พร้อมยื่นกระดาษที่เขียนข้อความไว้จนเกือบเต็มหน้าให้คุณแม่ของเขาอ่าน ซึ่งมีใจความว่า...
ค่าตัดหญ้า 5.00 บาท
ค่าทำความสะอาดห้องผม อาทิตย์นี้ 1.00 บาท
ค่าซื้อของให้แม่ 2 .50 บาท
ค่าดูแลน้องชาย 2.50 บาท
ค่าเอาขยะไปทิ้ง 1.00 บาท
ค่าได้คะแนนดี 5.00 บาท
ค่ากวาดสนาม 2.00 บาท
รวมค้างชำระ 19.00 บาทถ้วน
ปล.แม่จ่ายให้ผมด้วย (โห... ทำงานมีเงินเดือนกะเงินแค่นี้ยังขอแม่นะเนี่ย!!!! เฮ้อ...น่าเศร้าใจจริงๆ) … เมื่อคุณแม่อ่านเสร็จแล้วก็หยิบปากกาขึ้นมา เธอพลิกกระดาษไปด้านหลังแล้วเขียนว่า... เก้าเดือนที่แม่อุ้มท้อง… ไม่คิดเงิน
เวลาที่แม่พยาบาลลูก และสวดมนต์ให้ลูก … ไม่คิดเงิน
ค่าที่ลูกทำให้แม่ต้องเสียน้ำตา... ไม่คิดเงิน
ของเล่น อาหาร เสื้อผ้า พาเที่ยว... ไม่คิดเงิน
แม้แต่เช็ดน้ำมูกให้… ไม่คิดเงินหรอกจ้ะลูก
เมื่อรวมทั้งหมดเป็นราคาเต็มของความรัก…ไม่คิดเงินเหมือนกัน
และเมื่อลูกชายได้อ่านสิ่งที่คุณแม่เขียนไว้ ก็อึ้ง !. . . น้ำตาหยดโตก็ไหลออกมา เขาสบตากับแม่แล้วจึงพูดว่า... " แม่ครับผมรักแม่จริงๆ นะครับ" แล้วเขาก็เอาปากกาเขียนหนังสือตัวโตว่า... …จ่ายหมดแล้ว... แม่จ่ายหมดแล้ว... แต่... แต่ว่า... ลูกยังทอนให้ไม่หมดครับแม่... !!
วันแม่ 12 สิงหาคม พ.ศ.2550
กิ๊ฟท์รักแม่ที่สุดเลยค่ะ
ตัวอย่าง Filter
Angled Strokes
Graphic Pen
Poster Edges
Drag Layer
Film Grain
Neon Glow
Diffuse Glow
Stamp
Cutout
สาระ น่ารู้ 2
ความแตกต่างระหว่างมัธยมกับมหาวิทยาลัย
เมื่อเราอยู่มหาลัยเราจะคิดแบบนี้มั้ย ?????
เรา...
ได้อะไรหลายอย่างจากการเข้าแถวเคารพธงชาติ แม้...มหาวิทยาลัยจะเปิดเพลงชาติเสียงดังเพียงใดก็ไม่ได้หมายความว่าเรากำลังยืนเข้าแถวกันเป็นห้อง
เรา...
รู้อะไรหลายอย่างจากกิจกรรมรักการอ่าน แม้...เราจะจดและบันทึกความรู้ในมหาวิทยาลัยจะมีมากมายเพียงไหนก็ไม่ได้หมายความว่าเราต้องส่งอาจารย์
เรา...
นั่งกินข้าวด้วยกันที่โรงอาหาร แม้...โรงอาหารที่มหาวิทยาลัยจะใหญ่แค่ไหน ก็ไม่ได้หมายความว่าเพื่อนเราจะอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา
เรา...
เดินไปเรียนด้วยกัน แม้...ตึกและห้องเรียนในมหาวิทยาลัยจะหรูหรายิ่งใหญ่เพียงไหนก็ไม่ได้หมายความว่าเพื่อนเราจะนั่งเรียนอยู่ทุกคน
เรา...
พูดคุยเสียงดังโหวกเหวกเมื่ออยู่ในห้องเรียน แม้...ในมหาวิทยาลัยเราจะพูดคุยเสียงดังเพียงไหนก็ไม่ได้หมายความว่าเพื่อนๆ ทุกคนจะได้ยิน
เรา...
กลับบ้านทุกเย็นหลังโรงเรียนเลิก แม้...บ้านเราจะอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยเพียงไหน ก็ไม่ได้หมายความว่าเพื่อนที่อยู่ใกล้บ้านเราที่สุดจะได้กลับบ้านทุกวัน
เรา...
นัดไปเที่ยวกันในวันหยุด แม้...ใกล้ๆ มหาวิทยาลัยจะมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะนัดเพื่อนไปได้ครบทุกคน
ถึงแม้กล้องดิจิตอลในมือถือเราจะมีความละเอียดสูงสุดถึง 10 ล้านพิกเซล ก็ไม่ได้ความว่าจะเก็บภาพเพื่อนๆ ได้ทุกคนพร้อมๆ กัน
ส่งมันไปยังเพื่อนที่คุณรัก ไปยังคนที่กำลังจะลืมเพื่อนเก่า มันไม่มีคำสาปอะไรในฟอร์เวิร์ดเมลแต่มันมีคำว่า
"เพื่อน"
ที่มา Forward Mail ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต
http://hilight.kapook.com/view/13767
เพื่อนมีอะไรมากกว่าที่คุณคิด
สาระ น่ารู้ 3
เคล็ดลับการทำความเข้าใจ และจดจำบทเรียน
เคล็ดลับการทำความเข้าใจและจดจำบทเรียนนี้ เป็นเทคนิคง่ายๆ นักเรียนนักศึกษาสามารถนำไปปฏิบัติได้ทุกคน ขอแต่เพียงเข้าใจเคล็ดลับวิธีการเท่านั้นเอง หัวใจสำคัญของการทำความเข้าใจและจดจำบทเรียน คือ การหมั่นฝึกฝนตามขั้นตอนให้เกิดความเคยชินจนติดกลายเป็นนิสัยการอ่านเพื่อทำความเข้าใจนี้จะแตกต่างจากการอ่านเพียงเพื่อท่องจำ
1.เวลาอ่านบทเรียนหรือตำรา ให้อ่านอย่างตั้งใจ แต่ทว่าเราจะไม่อ่านไปเรื่อยๆ คือเราจะหยุดอ่านเมื่อจบย่อหน้าหรือหยุดเมื่ออ่านไปได้พอสมควรแล้ว
2.จากนั้นให้ปิดหนังสือ!แล้วลองอธิบายสิ่งที่ตนเองได้อ่านมาให้ตัวเองฟังคือ เราสามารถอธิบายให้ตัวเองฟังด้วยภาษาสำนวนของเราเอง ฟังแล้วเข้าใจหรือเปล่า หากเราสามารถอธิบายให้ตัวเองฟังรู้เรื่อง แสดงว่าเราเข้าใจแล้ว ให้อ่านต่อไปได้
3. หากตอนใดเราอ่านแล้ว แต่ไม่สามารถอธิบายให้ตัวเองรู้เรื่อง แสดงว่ายังไม่เข้าใจ ให้กลับไปอ่านทบทวนใหม่อีกครั้ง
4. หากเราพยายามอ่านหลายรอบแล้ว แต่ยังไม่เข้าใจจริงๆให้จดโน้ตไว้เพื่อนำไปถามอาจารย์ จากนั้นให้อ่านต่อไป
5. ข้อมูลบางอย่างในตำราจำเป็นที่จะต้องท่องจำ เช่น ตัวเลข สถิติ ชื่อสถานที่ บุคคล หรือ สูตรต่างๆ ฯลฯ ก็ควรท่องจำไว้ด้วย เพื่อทำให้เกิดความเข้าใจ ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
6. การเรียนด้วยวิธีท่องจำ โดยปราศจากความเข้าใจ เรียนไปก็ลืมไป สูญเสียเวลาเปล่าประโยชน์ เสียเงินทอง
7. การเรียนที่เน้นแต่ความเข้าใจ โดยไม่ยอมท่องจำ ก็จะทำให้เราเข้าใจเรื่องต่างๆไม่ชัดเจน คลุมเครือ
8. ดังนั้นควรมีเทคนิคง่ายๆ สั้นๆ ดังต่อไปนี้
ก.ให้อ่านหนังสือ สลับกับ การอธิบายให้ตัวเองฟัง
ข.ให้ท่องจำเฉพาะข้อมูลที่จำเป็นต้องจำจริงๆ เช่น ตัวเลข ชื่อเฉพาะต่างๆ
อ่านหนังสือด้วยวิธีการนี้จะทำให้เราเข้าใจบทเรียนได้ทั้งเล่ม ไม่ลืมเลย
http://hilight.kapook.com/view/14407
อ่านหนังสือวันละนิด ความคิดกว้างไกล
สาระ น่ารู้ 4
หากลดบางอย่างให้น้อยลง คุณอาจได้บางสิ่งกลับมามากขึ้น
ลดความโกรธให้น้อยลง ...
ผมได้สติกลับมามากขึ้น
ลดค่าใช้จ่ายให้น้อยลง ... ผมได้เงินเก็บมากขึ้น
ลดความคิดที่จะหาคนที่ถูกน้อยลง ... ผมได้คำตอบสำหรับทำเรื่องที่ถูกต้องมากขึ้น
ลดการพูดให้น้อยลง ... ผมทำหลายอย่างได้มากขึ้น
คิดถึงคนที่ผมรักให้น้อยลง ... ผมเข้าใจคนที่ผมรักได้มากขึ้น
รักตัวเองให้น้อยลง ... คนอื่นรักผมมากขึ้น
พูดให้ร้ายคนอื่นน้อยลง ... มีคนพูดถึงผมในแง่ดีมากขึ้น
แสดงความฉลาดให้น้อยลง ... ผมได้ความรู้เพิ่มมากขึ้น
ออกนอกบ้านให้น้อยลง ... ผมได้ความอบอุ่นในครอบครัวมากขึ้น
นอนให้น้อยลง ... ผมทำหลายอย่างได้มากขึ้น
คิดเรื่องเครียดให้น้อยลง ... ผมยิ้มได้มากขึ้น
ลดความอายให้น้อยลง ... ผมได้ความกล้ามากขึ้น
ดูละครน้อยลง ... ผมอ่านหนังสือได้มากขึ้น
ผมวิ่งให้ช้าลง ... ผมมองเห็นคนข้างหลังมากขึ้น
เชื่อให้น้อยลง ... ผมมองเห็นอะไรได้มากขึ้น
ลดทิฐิให้น้อยลง ... ผมรู้จักอภัยมากขึ้น
กระโดดให้น้อยลง ... ผมเดินได้มั่นคงมากขึ้น
กินให้น้อยลง ... ผมอิ่มได้มากขึ้น
ก้มหน้าให้น้อยลง ... ผมมองเห็นได้ไกลขึ้น
พักเหนื่อยให้น้อยลง ... ผมรู้จักความสบายมากขึ้น
เห็นแก่ตัวให้น้อยลง ... มีคนรอดชีวิตมากขึ้น
แบกของหนักให้น้อยลง ... ชีวิตผมเบามากขึ้น
ทะเลาะกับเด็กให้น้อยลง ... ผมโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น
ทะเลาะกับผู้ใหญ่ให้น้อยลง ... ผมได้รับการเอ็นดูมากขึ้น
เป่าลมออกให้น้อยลง ... ผมสูดลมเข้าได้มากขึ้น
แอบฟังให้น้อยลง ... ผมได้ยินอะไรมากขึ้น
ผมคิดคำถามให้น้อยลง ... ผมเห็นคำตอบมากขึ้น
..... แล้วคุณลดอะไรได้บ้างแล้วละ .....
ข้อมูลจาก Forward Mail โดยคุณ LoveTree ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต
สาระ น่ารู้ 5
ขอเพียงอดทน และสู้
ชีวิตมีทุกข์และสุข ปะปนกัน เปรียบเช่นเวลาแห่งฤดูกาล
บางคราวชีวิตมีแต่ความหม่นหมอง หมดหวัง ท้อแท้ ไร้ซึ่งกำลังใจ
ดั่งเช่นฤดูหนาวอันเหน็บหนาว หรือฤดูใบไม้ร่วงที่แสนซึมเซา
ขอเพียงอดทนไว้ เพราะอีกไม่นาน ฤดูหนาวอันยาวนานก็จะผ่านพ้นไป
ฤดูร้อนอันสดใสจะเข้ามาแทนที่
อีกทั้งยอดอ่อนของต้นไม้ใบหญ้า ก็จะผลิใบแตกยอดอ่อนจากฤดูใบไม้ร่วง
ก็จะกลายเป็นฤดูใบไม้ผลิที่งอกงามเบิกบาน
ชีวิตก็เช่นกัน อดทนและเข้มแข็งเพื่อรอวันนั้น รอวันเวลาที่งดงาม
ดั่งเช่นฤดูร้อนแทนที่ฤดูหนาว ฤดูใบไม้ผลิแทนที่ฤดูใบไม้ร่วง"
"เวลาห้องสกปรก เราก็ทำความสะอาด ไม่นานเราก็จะได้ห้องใหม่ที่น่าอยู่
แต่แปลก...เวลาเราเป็นทุกข์ ไม่สบายใจ เคียดแค้นขมขื่น เรามักจะเก็บมันไว้
http://planet.kapook.com/dhammaja/blog/view/57902
สาระ น่ารู้ 6
ทางที่คุณจะเลือกเดิน....
ในชีวิตมีหลายทางเลือกให้เลือกเดิน . . . ถ้าเป็นเธอ . . . เธอจะเลือกทางไหน??
ทางแรก . . . เป็นทางที่มีผู้คน เพื่อนมากมายแต่กลับ รู้สึกโดดเดี่ยวและอ้างว้าง . . . ไม่มีใครเข้าใจ มีแต่การพูดจาทำร้ายจิตใจ . . . ถ้าจะเลือกทางแรก อาจมีเหตุผลเพราะว่า . . . กลัวที่จะต้องอยู่คนเดียว . . . กลัวที่ใครจะนินทาว่าเป็น “หมาหัวเน่า . . . ไม่มีคนคบ” กลัวสิ่งเหล่านี้หรือเปล่า? . . .
ทางที่สอง เป็นทางที่ไม่มีใคร อ้างว้าง แต่ . . . ภายในใจของเรารู้สึกอบอุ่น . . . มีความสุข กับการที่ได้เดินในทางที่สอง ถึงแม้ว่า . . . ไม่จำเป็นต้องมีเพื่อนมากมาย . . . มาเดินเคียงข้าง แต่ . . . กลับรู้สึกว่าการที่อยู่ตัวคนเดียว ยังรู้สึกสบายใจ...มีความสุข มากกว่าอยู่กับเพื่อนมากมาย ที่เรารู้สึกว่า เค้าไม่เคยที่จะรักเราเลย . . .
“เลือกที่จะมีความสุข . . . อย่ากลัวที่จะโดดเดี่ยว” ตัดสินใจคิดให้ดีว่า . . . จะเลือกทางไหน ที่มันจะไม่ทำให้เราเสียใจในภายหลัง . . .!!
คุณจะเลือกทางไหน????
สาระ น่ารู้ 7
6 วิธีรักษา ความนับถือตัวเองในออฟฟิศ
การปกป้องความคิดของตัวเราเองหรือการปกป้องผลงานที่สร้างสรรค์ท่ามกลางคำวิจารณ์ของหัวหน้าและเพื่อนร่วมงาน นับเป็นหนึ่งในสถานการณ์ล่อแหลม เส้นบางๆ ที่แบ่งแยกตัวคุณระหว่างการได้รับยกย่องว่าเก่ง หรือหลงตัวเอง อีโก้จัด คือการแสดงออก ถ้าเรารู้จักใช้มันให้เป็น คุณจะได้ทั้งงานที่ตัวเองภาคภูมิใจ และสามารถรักษาจุดยืนได้อย่างยอดเยี่ยม และนี่คือแนวทางที่เราอยากแนะนำเพื่อให้คุณเป็นดาวเด่นที่มีคนชื่นชม
1. ชัดเจนและมั่นใจกับตัวเอง สรุปกับตัวเองให้จบว่างานนี้คุณตั้งเป้าหมายไว้อย่างไร จุดยืนของตัวเองคืออะไร และมันดีอย่างไร คุณเชื่อและมีเหตุผลมากพอที่จะรองรับในสิ่งที่คิดหรือยัง คุณมีข้อมูลมากพอที่จะปกป้องตัวเองและงานจากการมองต่างมุมหรือยัง ถ้ายัง…พัฒนามันจนคุณมั่นใจ แล้วลุยเลย
2. ชัดเจน มั่นใจกับการกระทำ และคำพูด แม้จะเตรียมการมาดีพอ แต่การพูดเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือคือสิ่งที่ต้องอาศัยทักษะและ ประสบการณ์ สำหรับมือใหม่สิ่งที่ดีที่สุดคือการซักซ้อมในแบบสมมุติเหมือน เล่นละคร ลองบันทึกเสียง บันทึกภาพ หรือมองตัวเองจากกระจก แล้วสังเกตดูว่าบุคลิกภาพของคุณดีพอหรือยัง คำพูดชัดเจน มั่นใจ และกระชับ เข้าใจง่ายไหม ถ้าไม่เข้าข้างตัวเอง วิธีการนี้จะทำให้คุณได้ขัดเกลาตัวเองก่อนลงสนาม และแน่นอนว่า คุณจะรู้สึกมั่นใจเพิ่มขึ้นอีกถึง 30% ทีเดียว
3. เตรียมใจสำหรับคำวิจารณ์ สิ่งที่ต้องยอมรับคือต่างคนต่างความคิด ดังนั้นสิ่งที่คุณนำเสนอแบบไร้ช่องโหว่ อาจมีคนคิดปลีกย่อยและหาข้อติเตียน วิจารณ์ อย่าเสียกำลังใจ อย่าโกรธ เกลียดเขา เพราะแม้บางคนจะทำด้วยอคติ แต่ก็มีหลายคนที่ทำไปโดยเจตนาบริสุทธิ์ ไม่ว่าเขาจะมาไม้ไหน คุณต้องรักษาภาพความเป็นกลางและฟังอย่างตั้งใจ ยิ่งมีสติมากเท่าไหร่คุณก็ยิ่งสามารถเคลียร์ข้อผิดพลาดที่พวกเขายกมาได้ดีเท่านั้น วิธีการที่ดีคือการยิ้มและค่อยๆคิด ค่อยๆพูด ให้เนิบช้าลงสักนิดด้วยเสียงที่นุ่มนวลและเหตุผลมาตรฐานที่ไม่มีใครคัดค้าน คล้ายๆกับที่บอกว่า…โลกมีแรงโน้มถ่วง แอปเปิ้ลจึงตกลงพื้นนั่นแหละ
4. เตรียมใจสำหรับความผิดพลาด กล่าวกันว่า คนที่ไม่ทำผิดคือคนที่ไม่ทำอะไรเลย ดังนั้นมันจึงเกิดขึ้นได้เสมอที่คุณอาจได้รับความผิดหวังจากความผิดพลาด
สิ่งแรกที่ต้องทำคือ…ทำใจยอมรับ
ในทุกสนามแข่งขัน ผู้ชนะ คือผู้ที่ลุกขึ้นเร็วที่สุดจากความผิดพลาด ดังนั้นถ้าคุณอยากแก้ตัวและมีบทสรุปแบบ Happy Ending คุณจึงต้องรีบได้คิดและออกตัวแก้ไข (ไม่ใช่ออกไข…แก้ตัว) ในสิ่งที่พลาดอย่างกล้าหาญ มีจรรยาบรรณ ด้วยสติปัญญา ความอ่อนโยน และใจเย็น
5. เปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส บางคนต่อสู้เพื่อตัวเองมาตลอดชีวิต แต่ไม่เคยชนะ บางคนแพ้มาตลอดชีวิตแต่กลับได้ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ในโอกาสสำคัญ การเรียกความพ่ายแพ้ว่าเรื่องอับอาย หรือบทเรียน คือกุญแจสำคัญ การมองย้อนไปแล้วนำความผิดพลาดของตัวเองมาพินิจพิจารณา รวมทั้งการหาคำแนะนำ หรือนำประสบการณ์ วิธีของผู้ได้รับความสำเร็จมาปรับใช้กับตัวเอง จึงเป็นสิ่งที่ดีและทำให้คุณสามารถพัฒนาตัวเองได้รวดเร็ว ที่สำคัญต้องเปิดใจกว้าง และปรับเปลี่ยนเรียนรู้วิธีการอย่างจริงจัง และจริงใจ กล้าลองผิดลองถูก และขัดเกลาตัวเอง แล้ววันหนึ่งคุณจะได้รับชัยชนะในโอกาสสำคัญ
6. เปลี่ยนวิธีการแต่ไม่เปลี่ยนตัวเอง ไม่มีสูตรสำเร็จในความสำเร็จ ที่ใช้ได้เสมอกัน เพราะทุกคนต่างกันด้วยพื้นฐานความคิด ครอบครัว ประสบการณ์ ดังนั้นการเลือกเปลี่ยนตัวเอง ต้องให้สอดคล้องกับบุคลิก ลักษณะ และข้อจำกัดในตัวคุณด้วย เช่นเดียวกับหนูซึ่งมองว่าราชสีห์นั้นยิ่งใหญ่ แต่ตัวเองกระจ้อยร่อย จะให้วางท่าสง่า ทำภูมิฐาน ก็ยิ่งชวนขบขัน แต่ถ้าใช้ความคล่องแคล่วในแบบเข้าไหนออกนั่นได้สะดวกโยธินมาพัฒนาให้ยอดเยี่ยม แม้แต่ราชสีห์ยังต้องพึ่งพิง เหมือนที่เราเคยอ่านในนิทานอีสป ดังนั้นสิ่งที่ต้องรักษาไว้เสมอคือจุดเด่นของตัวเอง รวมทั้งความคิดที่ค้ำจุนความเชื่อมั่น แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้คือจริต วิธีการแสดงออกที่เหมาะสมกับภาษา
ข้อมูลจาก
ภาพประกอบทางอิน
เทอร์เน็ต
http://hilight.kapook.com/view/14469
Office
สาระ น่ารู้ 8
เบื้องหลังของความรัก
ความรัก . . . ที่สมหวังของใครบางคน
อาจเป็นความรัก . . . ที่ผิดหวังของใครอีกคน
ความรักร้อนแรง . . .
มักแฝงไปด้วย . . . ความพิศวาส
ความรักที่แท้จริงคือ . . .
การที่เราได้เห็นคนที่เรารักมีความสุข. . . โดยไม่หวังผลตอบแทน
เรามักจะมองข้ามความรัก . . .
ที่บริสุทธิ์ใจ และแท้จริง . . . จากบุพการี
ถ้าเรามองความรัก . . . เป็นสิ่งที่มีค่า
เราคงไม่เห็นใครที่เสียใจ . . . เพราะความรักเลย
"เธอดีเกินไป" . . . . . . เป็นเหตุผลของคนที่เห็นแก่ตัว
เพราะมันจะดูว่า . . .ความรักของคุณนั้นไม่มีค่าเอาซะเลย
เวลา จะช่วยวัดว่า . . .
คน ๆ นั้น มีพฤติกรรมที่เรียกว่า “นิสัย” หรือ “สันดาน”
อย่าจมปรัก . . . กับอดีตที่เลวร้าย
แต่จงยืดอกรับ . . . สิ่งที่จะเกิดในอนาคต
รักไม่เคยทำร้ายใคร
แต่เป็นคนที่รัก . . . ไม่เป็นต่างหากที่ทำร้ายมัน
ข้อมูลจาก Forward Mail
ความรัก..คืออะไร
ส่ระ น่ารู้ 9
เมื่อนาฬิกา . . . หยุดเดิน
ใครที่ผูกนาฬิกาบ่อยๆ จนติด คงจะรู้สึกได้ . . . ในวันที่นาฬิกาหายไปจากข้อมือ
ฉันเอง . . . ก็เป็นคนที่ผูกนาฬิกามาตลอด . . . หากวันไหนลืมจะรู้สึกว่า . . . บางอย่างมันหายไป
มันว่างๆ และขัดเขินทุกครั้ง . . . ที่ยกข้อมือที่ว่างเปล่าขึ้นมาดู
เมื่อราวสองปีก่อน . . . ที่นาฬิกาเรือนโปรดของฉันพัง ด้วยความไม่มีสติ . . .
ฉันเอาข้อมือไปทุบผนังห้องน้ำเล่นๆ โชคร้าย . . . ที่มือไม่เป็นอะไร
นาฬิกาต่างหากที่พินาศ . . . กระจกร้าว ฉันถอดมันออกวางไว้ . . .
ไม่ยอมเอาไปซ่อม ด้วยว่า . . . รู้สึกถึงภาพเก่า และวันเวลาที่เก็บอยู่ในนั้น
ฉัน . . . เลิกใส่นาฬิกา และพบว่าตัวเองมีอาการยกข้อมือเก้อ เก้อ . . . อยู่เป็นเวลานานพอดู
ความเคยชินของคนเรา เกิดขึ้น . . . เมื่อเราทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นประจำ . . .
ในระยะเวลานานพอควร และยังคงความเคยชินอยู่ เมื่อสิ่งหนึ่งสิ่งนั้นหายไปในระยะแรก
จนเวลาผ่านไปนาน . . . ฉันจึงเริ่มชิน . . . กับการแอบมองเข็มนาฬิกาบนข้อมือคนอื่น
เวลาผ่านไป พร้อมกับบาดแผลที่เริ่มเลือนหาย
ฉันคิดโง่ๆ ว่า . . . ภาพเหล่านั้นจะตายไปพร้อมนาฬิกา แต่มันไม่ใช่
ฉันตัดสินใจซ่อมนาฬิกา เมื่อมันกลับมาวันแรกๆ ฉันรู้สึกไม่คุ้น จนถึงตอนนี้ . . . ก็ยังไม่คุ้น
ฉันยังแอบมอง . . . นาฬิกาบนข้อมือคนอื่น อยู่เหมือนเดิม
ฉันรู้สึกเขินแกมขำทุกครั้ง . . . ที่แอบมองข้อมือคนอื่น ทั้งๆ ที่มีนาฬิกาอยู่บนข้อมือของตัวเอง
ฉันนึกถึงใครบางคน . . . ที่มักจะปรากฏตัวพร้อมรอยยิ้มเสมอๆ
ในบางช่วง ที่เขาหายหน้าหายเสียงไป . . . ฉันรู้สึกขาดๆ แต่ก็เพียงชั่วเวลาสั้นๆ
ในบางครั้ง . . . ฉันพอใจที่มีเขาอยู่ใกล้ๆ ในวันที่ไม่แข็งแรง . . .
แต่ . . . ในบางครั้งฉันกลับรู้สึกพอใจ กับการได้เดินคนเดียว . . .
เดี่ยวๆ ในวันว่าง หรือเป็นความผูกพัน หรือเป็นเพียงความเคยชิน หัวใจฉัน . . .
ยังตอบคำถามได้ไม่กระจ่างชัดนัก "คนเราจะรู้ค่าก็ต่อเมื่อ . . . สูญเสียสิ่งนั้นไป"
ฉันมักได้ยินใครๆ พูด แต่ . . . ฉันกลับคิดว่า หากฉันยังมองไม่เห็น ฉันน่าจะยอมเสียไปดีกว่า . . .
เพื่อให้ซึ้งถึงคุณค่านั้น ฉัน . . . ไม่อยากเอาเปรียบเขา หากจะรั้งเขาไว้ด้วยความคุ้นเคย
ที่ไม่ใช่ความผูกพัน ฉัน . . . ไม่อยากโกหกตัวเอง หากจะรั้งเขาไว้ . . . ด้วยความไม่แน่ชัด
ฉันมีคำถาม . . . ที่ยังขบไม่แตกกับคำว่า . . . ผูกพัน หรือว่าจะเป็นแค่คุ้นเคย
บางที . . . มันอาจจะเป็นการดี หากฉันจะอยู่ห่างๆ หรือตัดขาด
เพื่อให้รู้จัก . . . หัวใจของตัวเองมากขึ้น กับใครบางคน . . . ที่ขาดหายไปจากชีวิต
อาจเป็นเหมือน . . . นาฬิกาที่ขาดสาย อาจรู้สึกแปลบๆ และมองหากับการหายไปในช่วงแรก
แต่ไม่นาน . . . คงจะชิน
บางสิ่งที่หายไป
สาระน่ารู้ 10
วันที่ความรักเคลื่อนไหว
ความรักคือสิ่งที่สวยงาม น่าจับต้อง
และในขณะเดียวกันมันก็คือยาพิษชั้นยอด
ที่สามารถทำลายชีวิตของคนที่จงรักภักดีต่อมันได้
ความรักก็เหมือนกับเงา ที่อยู่ติดกับตัวเราตลอดเวลา
และในขณะเดียวกันนั้น มันก็ยังมีทั้งด้านสว่าง
และด้านมืดหากเราไม่รู้จักวิธีการรักอย่างระมัดระวัง
เมื่อนั้น ด้านมืดของมันก็จะเข้ามาครอบงำ และบงการชีวิตของเรา
ให้ดำเนินไปในแบบที่แตกต่างกันซึ่งบางครั้ง กับการกระทำบางสิ่งนั้น
เราอาจไม่เคยทำมันมาก่อนเลยในชีวิต
" จงให้ความรักเป็นทาสของเรา ไม่ใช่ให้ตัวเราเป็นทาสของความรัก "
เมื่อใดที่เรารู้จักรักอย่างมีสติ รู้วิธีการรัก
เมื่อนั้นเราจะได้ลิ้มรสถึงความสุขที่แท้จริงของความรัก
ซึ่งพื้นฐานของการรักใครซักคนนั้น เราต้องรู้จักที่จะรักตัวเองก่อน
มิฉะนั้น ใครกันที่จะมารักเราอย่างแท้จริงได้
รักนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องปกป้องเสมอไป
เพียงแค่ความรู้สึกเป็นห่วง เป็นใย และหวังดี แค่นั้นน่าจะเพียงพอแล้วและทุกสิ่งอย่าง
จะอยู่บนพื้นฐานของความเข้าใจ และให้เกียรติกันการรักกันด้วยความเข้าใจ
ไม่จำเป็นต้องปกป้อง หากแต่ต้องให้เค้าเรียนรู้ในสิ่งที่เค้าเรียนรู้ใ
ห้เค้าได้มองตัวเราในแบบที่ตัวเราเป็นจริง ๆ
และเราเองต้องมองเค้าในแบบที่ตัวเค้าเป็น
บางครั้งความรักก็ช่างเป็นเรื่องที่น่ามหัศจรรย์ เ
พราะมันจะเข้ามาในเวลาที่เราต้องตัดสินใจยากเสมอ
มันเลยกลายเป็นว่า ในบางมุมของความรัก ช่างดูเป็นเรื่องที่ยาก
และความรักจะยืนยาวซักแค่ไหน ตัวฉันเองยอมรับ
ยังคงกลัวกับคำถามนี้เสมอ ในเวลาที่ความรักเข้ามาทักทายในชีวิต
จนวันนึงกลับมาย้อนคิดได้ว่า การมีความรักสักครั้งหนึ่ง
แม้จะสมหวังบ้าง ผิดหวังบ้าง
แต่อย่างน้อย มันก็คือครูที่ดีที่สุด ที่จะสอนให้เรา "รักเป็น"
สอนให้เรารู้จักที่จะรักษามันเอาไว้ในดีที่สุด
ในเวลาที่ยังมีมันอยู่ในหัวใจ และสอนให้เราเข้มแข็งมากพอที่จะ
ไม่อ่อนแอมากเกินไปในเวลาที่ต้องสูญเสียมัน
ที่มา : เขียนโดย nan ทีมงาน ที่นี่ดอทคอม
http://variety.teenee.com/foodforbrain/3625.html
ความรัก คือ อะไร ???
สาระน่ารู้ 11
กาลเวลาเพียงทำฉันเติบโต... ไม่ได้เปลี่ยนฉันไป
เวลาหมุนผ่านไป...บ่อยครั้งที่มีคนบอกว่าฉันเปลี่ยนไป
ฉันเองก็ตอบไปบ่อยครั้งว่าไม่ได้เปลี่ยนเพียงแต่ที่ทุกคนเห็นว่าฉันเป็น...ไ
ม่เหมือนเดิมนั่นน่าจะเพราะทุกคนต่างก็เติบโตขึ้นกาลเวลา
ประสบการณ์...ล้วนทำให้ทุกคนเติบโตจากต้นกล้าเป็นต้นไม้ใหญ่
มีจุดเด่นบ่งบอกความเป็นตัวตนที่ชัดเจนมากขึ้น...
และมากขึ้นมุมที่เธอมองฉัน...ต่างไปมุมที่ฉันมองเธอ...ก็ต่างไปเช่นกัน
เพราะอย่างนั้น...จึงไม่มีใครที่เหมือนเดิมเวลายังคงหมุนไป...
จากวันเป็นเดือน...จากเดือนเป็นปี...ฉันห้ามเวลาไม่ให้หมุนไม่ได้
เหมือนที่ฉันไม่อาจห้ามให้ตนเองเติบโต
แต่มีความจริงข้อหนึ่งยังคงอยู่คือฉัน...ยังเป็นฉัน
แม้เติบโต...คล้ายว่าเปลี่ยนแปลงแต่ฉันก็ยังเป็นฉัน
ความทรงจำเจ็บปวดไม่ว่าคราไหนความรู้สึกสุขล้นไม่ว่าครั้งใดสิ่งเหล่านั้น...
ยังอยู่กับฉันเสมอหัวใจฉันยังคงเหมือนเดิม...
แม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนความรู้สึกทุกอย่างยังคงอยู่...
ไม่เปลี่ยนสิ่งเหล่านี้เท่านั้นที่จะเป็นเครื่องยืนยันสิ่งที่เป็นประสบการณ์เฉพาะตัว
สิ่งที่บอกว่าฉัน...เป็นฉันสบตาฉันแล้วเธอจะได้รู้ว่าฉัน...เป็นคนเดิม...
ไม่ใช่ใครที่เธอไม่เคยรู้จัก...แน่นอน
สาระ น่ารู้ 12
กินให้สวย ให้เป็นนางงาม
เรื่องความสวยความงามกับอาหารการกินดูเหมือนจะเป็น 2 สิ่งที่เดินสวนทางกัน แต่ก็ไม่เสมอไปหรอกน่า วันนี้มีเคล็ดลับกินให้สวยเป็นนางงามมาฝากกันไม่ว่าคุณจะอยู่ระหว่าง "ไดเอ็ท" ควบคุมอาหาร หรือว่าชอบอาหารอย่างไหนเป็นพิเศษก็ตาม ควรจำไว้ว่ารายการอาหารเพื่อสุขภาพ 10 อย่างข้างล่างนี้จะช่วยให้คุณแลดูสวยอย่างมีสุขภาพได้เลยทีเดียว
• อย่างแรกสุด ผลไม้ มีงานวิจัยที่แนะนำว่าให้กินผลไม้อย่างน้อย 5 ส่วนในแต่ละวัน เพราะมีคุณประโยชน์ในการช่วยป้องกันโรคหัวใจและมะเร็งบางประเภทได้
•ข้อสอง กรดไขมันที่จำเป็นสำหรับร่างกาย (Essential fatty acids) หรือที่รู้จักกันว่าเป็นไขมันส่วนที่ดี จะเข้าไปช่วยทำให้ผิว ผมและเล็บดูแข็งแรง
• ถัดมา กระเทียม อย่าเพิ่งเบือนหน้าหนี เพราะว่ากระเทียมเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ทราบกันโดยทั่วไปว่าป้องกันมะเร็งได้ กระเทียมยังช่วยลดคอเลสเทอรอลและความดันโลหิตอีกด้วย
• ควรเลือกดื่ม ชาเขียว ด้วยเหตุผลเดียวกับกระเทียมคือมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ป้องกันมะเร็งบางชนิด ทั้งยังเพิ่มภูมิคุ้มกันแก่ร่างกาย
• ข้อที่ 5 ผักใบเขียว เนื่องจากมีวิตามินเอและอี พร้อมกากใย และธาตุเหล็ก วิตามินเอบำรุงตาและผิวหนัง ส่วนวิตามินอีช่วยความยืดหยุ่นของผิว กากใยช่วยการขับถ่าย ส่วนธาตุเหล็กไปช่วยผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดง
• อย่าลืมดื่ม นม เพราะเป็นแหล่งแคลเซียมและวิตามินดี เป็นประโยชน์ต่อกระดูกและฟัน ป้องกันโรคกระดูกผุ
• ถั่วเหลือง ก็มีสารต้านอนุมูลอิสระช่วยป้องกันมะเร็ง พร้อมทั้งมีวิตามินอี และกรดอะมิโน ที่ช่วยให้ผิวเรียบลื่น ยืดหยุ่นด้วย
• วิตามินซี จะกระตุ้นภูมิคุ้มกันและช่วยให้ร่างกายต่อสู้โรคภัยได้ วิตามินซียังเป็นกุญแจสำคัญให้ร่างกายสร้าง คอลลาเจน อันเป็นสารเคมีที่ทำให้ผิวหนังยืดหยุ่นและปราศจากรอยย่นอีกต่างหาก
• โยเกิร์ต ก็เป็นแหล่งอาหารชั้นดีที่มีแคลเซียม วิตามินดี และวิตามินบี ทั้งยังมีแบคทีเรียช่วยระบบย่อยด้วย
• ช็อกโกแลต อ่านไม่ผิดหรอกค่ะ ช็อกโกแลตเป็นหนึ่งในอาหารที่จะช่วยให้คงความงามไว้ได้ เพราะว่าในช็อกโกแลตมีสารที่กระตุ้นเอนโดร์ฟิน และเซโรโตนิน ฮอร์โมนทั้ง 2 ทำให้มีอารมณ์ดี มีความสุข คนจะแลดูสวยได้ก็ต้องรู้สึกสวย รู้สึกดีเสียก่อน
• สุดท้ายอย่าลืม ดื่มน้ำ เพราะน้ำจะช่วยให้แลดูอ่อนเยาว์ ผมเปล่งประกาย นุ่มสลวย น้ำยังช่วยขับของเสียและสารพิษออกจากร่างกายอีกด้วย.
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
http://variety.teenee.com/foodforbrain/3622.html
save money
สาระ น่ารู้ 13
6 วิธีเก็บเงิน ตั้งแต่เป็นนักเรียน
1. เปิดบัญชีธนาคารให้เหมาะบรรดานักเรียนต่างจังหวัดที่เข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ แน่นอนอยู่แล้วต้องรับเงินเดือนจากพ่อแม่ แนะนำให้เปิดบัญชี ATM ในสาขาของกรุงเทพฯ เพราะถ้าเปิดบัญชีในจังหวัดที่บ้าน ต้องเสียค่าบริการเวลากดเงินข้ามเขตอีก กดทีละ 30 บาท ก็คูณเข้าไปสินคะ กว่าจะหมดปีเงินหายไปหลายอยู่นา
2. "เงินเราไปไหน"ใช้ถามตัวเองบ่อยๆ เวลาใช้เงินไม่อยากลืมต้องทำบัญชีรับจ่าย เก็บบิลเวลาซื้อของ และเอาสมุดเงินฝากไปอัพเดทเพื่อเช็คยอดล่าสุดบ่อยๆ
3. อยู่ห่างๆเพื่อนมือเติบไม่ได้แนะนำให้เป็นคนปฎิเสธสังคม แต่ให้เลือกกลุ่มเพื่อที่ไปกินข้าว ช้อปปิ้งสักหน่อย ถ้าคุณอยู่กลุ่มเพื่อนกินใหญ่ใช้โต กินข้าวเย็นมื้อละหลายร้อย คุณก็ต้องแชร์จ่ายเท่าๆกัน เงินเดือนนักเรียนของคุณมีเท่าไรถึงจะพอล่ะคะ
4. ระวัง!! บิลค่าโทรศัพท์ค่าใช้จ่ายรายใหญ่สุดของหนุ่มสาววัยนี้เตือนสติตัวเองเวลาคุยให้ดี ตั้งเสียเตือนเป็นรายนาทีไว้ก็ได้ หรือเลือกโปรโมชั่นที่เหมาะกับตัวเองที่สุด
5. ใช้บัตรนักเรียน นักศึกษาให้มีค่าที่สุดทั้งค่าอาหาร ค่าเข้าพิพิธพัณฑ์ หรือเวลาไปเมืองนอก ใช้เป็นส่วนลดได้ดีที่สุด ช่วงที่อยู่มหาวิทยาลัย รายจ่ายที่คุณประหยัดได้ดีที่สุดคือ หนังสือและฟิตเนส เข้าห้องสมุดและโรงยิมเข้าไว้
6. ออมเงินรายเดือน10% ของเงินได้จากพ่อแม่เก็บเป็นฝากประจำไว้เลย แล้วลองดูสิว่า พอรับปริญญาแล้วคุณมีเงินก้นถุงอีกเท่าไร!
http://variety.teenee.com/foodforbrain/4126.html
สาระ น่ารู้ 14
4 วิธีมองหารักแท้
คุณเป็นคนหนึ่งที่เชื่อเรื่องบุพเพสันนิวาสหรือเปล่าหรือคุณเชื่อว่า สักวันหนึ่งฟ้าก็จะส่งคนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณมาให้ ไม่ว่าคุณจะคิดเช่นนั้นหรือไม่ การจะหาใครสักคนที่ช่างเหมาะเหม็งลงตัวไปกับคุณสักคนคงไม่ใช่เรื่องง่าย และถ้าหากว่าหาเจอ ก็ไม่แน่เหมือนกันนะ ในช่วงชีวิตหนึ่งของคุณอาจจะมีคนที่เหมาะเจาะสำหรับคุณมากกว่า 1 คนก็ได้ แต่จะทำอย่างไรล่ะ ถึงจะบอกได้ว่า คน ๆ นั้น รักจริง และมีความเหมาะสมกับคุณจริง ๆ ลองมาติดตามคำแนะนำง่าย ๆ 4 ข้อ
1. คุณแน่ใจหรือยังว่าคุณต้องการอะไรกันแน่ และทำไมคุณถึงต้องการมันล่ะ : คุณจะต้องแน่ใจว่าคุณต้องการอะไรจากความรักเสียก่อน และอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องคิดก็คือ คุณต้องการให้ชีวิตของคุณเป็นอย่างไร เมื่อมีคนอีกคนหนึ่งก้าวเข้ามา เมื่อคุณตอบคำถามนี้ได้แล้ว เมื่อคุณจะมีความสัมพันธ์กับใคร คุณจะพิจารณาเขาได้อย่างมีเป้าหมายมากขึ้นว่า ตกลงแล้วคน ๆ นั้น ใช่คนที่คุณต้องการจริง ๆ หรือเปล่า
2. พิจารณาความโรแมนติกในตัวคุณเอง ดูว่าความต้องการของคุณมากน้อยแค่ไหน :โดยอาจจะกำหนดขึ้นมาว่า คุณคิดว่าคู่ที่เหมาะกับคุณนั้น น่าจะต้องเป็นอย่างไรบ้างจากนั้นก็จำมันไว้ในใจ เมื่อบุคคลที่คุณจะมีความสัมพันธ์ด้วยก้าวเข้ามา จะได้พิจารณากันไปเป็นข้อ ๆ เลยว่า เขาคือบุคคลที่ใช่เลยสำหรับคุณจริงหรือไม่
3. คุณพึงพอใจในตัวเองหรือเปล่า :มีคำพูดอยู่ประโยคหนึ่งว่า “คุณจะไม่มีทางมีความสุขกับใครได้ จนกระทั่งคุณรู้สึกมีความสุขและพึงพอใจในตัวเอง”ดังนั้น สิ่งที่สำคัญคือความคิดที่เป็นบวกจะทำให้คนเราได้พบกับคนใหม่ ๆ ซึ่งมันอาจจะเป็นจุดเริ่มความสัมพันธ์ที่ดี ที่ถูกต้องกับใครบางคนก็ได้
4. คนสำคัญของคุณ ทำให้คุณเป็นคนที่ดีขึ้นหรือเปล่า : ความรัก ไม่ใช่แค่การมองหาใครสักคนที่ทำให้คุณมีความสุขเท่านั้น คนที่ถูกต้องสำหรับคุณ จะต้องเป็นคนที่ทำให้คุณดีขึ้น ไม่ใช่เฉพาะเรื่องของจิตใจเท่านั้น แต่รวมไปถึงในทุก ๆ ด้าน ทั้งด้านการงาน และชีวิตส่วนตัว อย่าลืมว่าสิ่งที่สำคัญในการหารักแท้ นั้นก็คือ คุณจะต้องฉลาดเลือก และตอบให้ได้ว่า ทำไมคุณถึงเลือกคน ๆ นั้น
http://variety.teenee.com/foodforbrain/4124.html
ความรัก
สาระ น่ารู้ 15
13 ความหมายที่แท้จริงของคำว่า...
1. เจ้านาย ใครบางคนที่ชอบมาทำงานเช้าในวันที่คุณเข้างานสาย และก็มาซะสายในวันที่คุณมาเช้า
2. อาชญากร ก็เหมือนคนเรา ๆ ท่าน ๆ นี่แหละ เพียงแต่ถูกจับได้
3. นักการฑูต คนที่บอกให้คุณไปลงนรกได้ด้วยวิธีพูดที่ทำให้คุณอยากไปแทบจะรอไม่ไหว
4. หมอ คนที่ช่วยชีวิตคุณด้วยยาและฆ่าคุณทีหลังด้วยบิลค่ารักษา
5. ทนายความ คนที่ยื่นมือเข้าช่วยคนทำผิดกฎหมาย อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
6. นักโฆษณา คนที่รู้จักเลือกพูดแต่ความจริง เกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ เฉพาะครึ่งที่ดี
7. นักร้องวัยรุ่น เด็กหนุ่มสาวที่มีหน้าตาเป็นอาวุธ และเครื่องแต่งเสียง กับ sound engineer เป็นเพื่อนตาย
8. พ่อค้า - แม่ค้า คนที่อดีตเคยเป็นข้างต้นที่กล่าวมา แล้วโดนเลย์ออฟเพราะเศรษฐกิจ
9. หมอดูลายมือ คนแปลกหน้าที่สามารถจับมือแฟนคุณได้ต่หน้าต่อตา โดยไม่โดน...
10. ข่าวลือ ข้อมูลที่เดินทางได้รวดเร็วเท่ากับความไวของเสียง
11. ประสบการณ์ ชื่อที่มนุษย์ตั้งให้กับความผิดพลาดที่ทำในอดีต
12. น้ำตา พลังงานน้ำที่ทำให้เพศชายต้องพ่ายแพ้ต่อพลังเพศหญิง
13. หาว จังหวะเดียวในชีวิตที่ผู้ชายที่แต่งงานแล้วบางคน มีโอกาสได้อ้าปาก
http://variety.teenee.com/foodforbrain/4107.html
สาระ น่ารู้ 16
โทษของการเกินพอดีทั้ง 12 ประการ
ผู้คนทั่วไปล้วนคิดว่าความมีความเป็นมาก ๆ ย่อมเป็นสิ่งที่ดี ทว่าหารู้ไม่ว่าความมีความเป็นมากเกินไปกลับทำให้เกิดความผิดปกตินานา ความพอดีเป็นความงดงามในการสืบความมักมากจึงต้องหมั่นระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา อย่าให้ความมักมากจนเกินพอดีมาทำลาย สุขภาพกายและใจ
1.) ความดำริใคร่ครวญมาก ย่อมเป็นอันตรายต่อธรรมญาณ
2.) การคิดคำนึงมาก ทำให้ความมุ่งมั่นปณิธานไม่มั่นคง
3.) การมีกามตัณหา ลมปราณจักถูกทำลาย
4.) การจุกจิกเจ้าปัญหา นำมาซึ่งความสับสน
5.) มากวาจา ลมปราณย่อมเสื่อมสลาย อ่อนเพลียเหน็ดเหนื่อยง่าย
6.) การหัวเราะพร่ำเพรื่อ ย่อมทำลายอวัยวะภายในให้เสื่อมทรุดโทรมลง
7.) มากด้วยความกลัดกลุ้ม เลือดลมย่อมแตกซาน
8.) การเสวยสุขเกินพอดี ย่อมนำมาซึ่งพลังอันเหลือใช้และเป็นพิษต่อกายใจ
9.) ความปลื้มปิติเกินขอบเขต นำมาซึ่งจิตใจอันสลับซับซ้อนยุ่งเหยิง และวุ่นวาย
10.) ความโกรธเคืองเกินพอดี ทำให้ชีพพจรเต้นไม่ปกติ
11.) การลุ่มหลงยึดติดในความดี นำมาซึ่งความหลงใหลมัวเมาไม่เข้าใจถ่องแท้ในหลักสัจธรรม
12.) หากกาย วาจา และใจเต็มไปด้วยความชั่ว จักทำให้ร่างกายผอมแห้ง ไร้เรี่ยวแรง หาความสุขมิได้
http://variety.teenee.com/foodforbrain/4129.html
ตาย!!!
สาระ น่ารู้ 17
เรื่องตายแล้วเกิดหรือตายแล้วสูญ
เป็นปัญหาที่ถกเถียงกันอยู่ไม่รู้จบสิ้น สำหรับผู้ที่ไม่รู้จริง แต่สำหรับผู้ที่รู้จริงแล้ว ท่านจะไม่สงสัย อะไรเลย ทั้งนี้ก็เพราะความจริงนั้น ตายแล้วต้องเกิดแน่ แต่จะไปเกิดช้าเกิดเร็วเกิดเมื่อไรนั้น ย่อมสุดแต่ผลของกรรมที่ทำมาไว้ในสมัยเมื่อยังไม่ตายเท่านั้นตามพุทธโอวาท ที่ตรัสไว้ว่า “กมฺมุมา วตฺตตี โลโก” สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ต้องยอมรับตามพระพุทธเจ้าตรัสยืนยันไว้ว่า คนเราตายแล้วต้องไปตามกรรมของตน แต่ที่ว่าไปไหนนั้น ยังให้คำตอบชี้ชัดลงไปแน่นอนยังไม่ได้ เพราะแล้วแต่กรรมที่ทำไว้จะเสกสรรปั้นแต่งให้เป็นไป พระพุทธศาสนาเชื่อถือในสังสารวัฎ การเวียนว่ายตายเกิดและถือว่าคนเราทุกคน ล้วนเกิดมาแล้วทั้งสิ้น นับชาติไม่ถ้วนและเกิดภพภูมิที่ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง ตามกฎแห่งกรรมที่ได้ทำไว้กรรมจะนำไปเกิดในภพภูมิใหม่ คือคนที่ทำกรรมดีไว้ ย่อมไปเกิดในภพที่ดี คนทำกรรมชั่ว ย่อมไปเกิดในภพที่ชั่วที่เลว กรรมที่ส่งให้เกิดนั้น เรียกว่า ” ชนกกรรม ” ชนกกรรมฝ่ายดีส่งให้เกิดในตระกูลที่ดี ตระกูลสูงมั่งคั่งด้วยทรัพย์สมบัติและบริวาร กรรมดี หรือ กรรมชั่ว จะคอยติดตามบุคคลผู้ทำอยู่เสมอเหมือนเงาตามตัว แต่การที่คนมองไม่เห็นการตามของกรรม ก็เพราะดำเนินชีวิตอยู่ในความมืด เหมือนบุคคลไม่เห็นผู้ติดตามตน อยู่ในที่มืด พอเข้าสู่ที่สว่างถ้าเขาเหลียวไปมองย่อมเห็นได้ บุคคลที่ได้รับการอบรมจิตให้สงบ สะอาด สว่างมากเท่าใด ก็จะมองเห็นกรรมและผลของกรรมมากขึ้นเท่านั้นหลักกรรมกับสังสารวัฎ หรือการเวียนว่ายตายเกิด มีความสัมพันธ์กับอย่างใกล้ชิด หลักกรรมจะดำรงอยู่ไม่ได้ หรือถ้าได้ก็ไม่สมบูรณ์ถ้าไม่มีเรื่องสังสารวัฎ เพราะชีวิตเดียวสั้นเกินไปไม่พอ พิสูจน์กรรมให้หมดสิ้นได้ ปัญหาที่น่าสังสัย เช่น ทำไมคนดีบางคนจึงมีความเป็นอยู่ลำบากต่ำต้อย สุขภาพไม่ดี ร่างกายอ่อนแอ ส่วนคนที่เห็นว่าชั่วบางคนกลับมีความสุขสบาย มีร่างกายแข็งแรงเราไม่อาจคลายความสงสัยได้ ถ้ามองดูชีวิตกันเพียงชาติเดียวหลักรรมและการเกิดใหม่ จะบอกเราว่าคนที่เราเห็นว่าชั่วนั้นเขาย่อมต้องเคยทำกรรมดีมาบ้างในอดีตชาติ และคนที่เราเห็นอยู่ในเวลานี้ ย่อมต้องเคยทำกรรมชั่วมาบ้างเหมือนกัน กรรมดีย่อมให้ผลดี กรรมชั่วย่อมให้ผลชั่วตามอิทธิพลของมัน เที่ยงตรงที่สุดไม่เลือกที่รักผลักที่ชัง พระพุทธศาสนายืนยันว่า การเวียนว่ายตายเกิดมีอยู่จริงซึ่งหลักฐานปรากฏอยู่ในคัมภีร์พระพุทธศาสนาจำนวนมาก เช่น ในคัมภีร์ชาดกเปรตวัตถุ วิมานวัตถุ ฯ ล ฯ สัตว์โลกที่ไปเกิดอยู่ในภูมิทั้ง ๓๑ ภูมินั้น ย่อมเกิดในกำเนิดทั้ง ๔ คือ
๑. ชลาพุชะ เกิดในครรภ์
๒. อัณฑชะ เกิดในไข่
๓. สังเสทชะ เกิดในเถ้าไคล
๔. โอปปาติกะ เกิดผุดขึ้น
คำว่า “ สัตว์โลก” คือ ผู้ยังข้องอยู่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพภูมิต่าง ๆ ฉะนั้น จึงหมายรวมถึงมนุษย์ เทวดา พรหม ในทุกภพภูมิและสัตว์ในอบายภูมิทั้ง ๔ มิได้หมายเฉพาะสัตว์เดียรัจฉานประเภทเดียว จะขอขยายความ
กำเนิด ๔ ดังนี้
๑. ชลาพุชะกำเนิด ได้แก่ สัตว์ที่เกิดในมดลูก คือ มนุษย์ และสัตว์เดียรัจฉานที่คลอดออกมาเป็นตัว และเลี้ยงลูกด้วยนม เช่น โค กระบือ สุนัข แมว เป็นต้น
๒. อัณฑชะกำเนิด ได้แก่สัตว์เดียรัจฉานที่ออกมาเป็นไข่ก่อนแล้วจึงฟักออกมาเป็นตัว เช่น ไก่ เป็ด นก ปลา เต่า จิ้งจก งู เป็นต้นชลาพุชะกำเนิดและอัณฑชะกำเนิดนี้ รวมเรียกว่า ศัพภเสยยะกำเนิด เพราะเกิดอยู่ในครรภ์ของมารดาก่อน ภายหลังจึงออกจากครรภ์
๓. สังเสทชะกำเนิด ได้แก่ สัตว์ทั้งหลายที่เกิดโดยไม่อาศัยท้องพ่อแม่ แต่อาศัยเกิดจากต้นไม้ ผลไม้ ดอกไม้ ของโสโครก ที่ชุ่มชื่น เชื้อรา เป็นต้น
๔. โอปปาติกะกำเนิดได้แก่สัตว์โลกที่เกิดมาโดยไม่ได้อาศัยพ่อแม่และของโสโครก หรือที่ชุ่มชื้น แต่อาศัยอดีตกรรมอย่างเดียว และเมื่อเกิดก็เติบโตขึ้นทันที เช่น พวก สัตว์นรก เปรต เทวดา มนุษย์สมัยต้นกัป เป็นต้นทุกคนที่เกิดมาแล้ว ไม่มีใครหนีพ้นความตายไปได้เลย นี้คือ สัจจธรรมของโลก เมื่อคนที่ใกล้จะตายจวนเจียนจะสิ้นใจนั้น กรรมดีหรือกรรมชั่วที่เขาได้เคยทำไว้จะเเสดงปรากฏการณ์ออกมาให้ทราบอาการที่ปรากฏ เมื่อจวนเจียนจะตายเช่นนี้ท่านเรียกว่า “มรณาสันนวิถี ” ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าศึกษาและสนใจเกี่ยวกับการเวียนว่ายตายเกิดในพระพุทธศาสนา เพื่อความเข้าใจดีในการค้นคว้าเรื่องการตายแล้วเกิดใหม่ มีดังนี้ มรณาสันนวิถี เป็นวิถีใกล้จะตาย คือ เมื่อมรณาสันนวิถีเกิดขึ้นแล้วจุติจิตย่อมเกิดขึ้นในลับดับที่ใกล้เคียงกัน จะไม่มีวิถีจิตที่มีอารมณ์เป็นอย่างอื่นคั่นระหว่างจุติจิตเลยในมรณาสันนวิถีนี้ มีชนวนจิตเกิดขึ้นเพียง ๕ ขณะเท่านั้น เพราะเหตุที่จิตมีกำลังอ่อน เนื่องจากอำนาจของกรรมที่ส่งมานั้นใกล้จะหมดอำนาจอยู่แล้วและอีกประการหนึ่งหทัยวัตถุอันเป็นที่ตั้งของจิตมีแต่เสื่อมกำลังไปเรื่อย ๆ กำลังของจิตก็อ่อน เมื่อสุดมรณาสันนวิถีแล้ว ต่อจากนั้น จุติจิตจะเกิดขึ้น ๑ ขณะเท่านั้น ซึ่งเรียกว่า “ สัตว์ถึงความตาย ” ในทันทีที่จุติจิตดับลง ปฎิสนธิจิตต้องเกิดอย่างแน่นอนโดยไม่มีจิตอื่นมาคั่นในระหว่างเลย นี้หมายถึงจิตของสัตว์ทั่วไป แต่ถ้าเป็นจิตของพระอรหันต์แล้วเมื่อจุติจิตหรือจิตดวงสุดท้ายดับลงแล้วเข้าสู่นิพพานไม่มีการเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไปมรณาสันนวิถี ของปุถุชนและบุคคลทั้งหลาย เมื่อใกล้จะตายก่อนที่จุติจิตจะเกิดขึ้น ถ้ามีรูป เสียง กลิ่น รส หรือสัมผัส เป็นอารมณ์ มรณาสันนวิถีเช่นนี้ เรียกว่า มรณาสันนวิถีทางปัญญาทวาร แต่ถ้าเป็นความรู้สึกนึกคิดทางใจมรณาสันนวิถีนั้น เรียกว่า มรณาสันนวิถีทางมโนทวารสัตว์ทั้งหลายที่ยังไม่หมดกิเลส ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ สัตว์นรก เปรตสัตว์เดียรัจฉาน เทวดา พรหม เมื่อใกล้จะตาย จะมีอารมณ์ ๓ ประการ คือ กรรม , กรรมนิมิต, คตินิมิต อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น โดยจิตได้หน่วงหรือยึดอารมณ์อย่างใดอย่างหนึ่ง ในอารมณ์ทั้ง ๓ อย่างนี้ โดยมีอารมณ์ทั้ง ๓ อย่างนี้ อย่างใดอย่างหนึ่ง มาปรากฏทางทวารใดทวารหนึ่ง ในจำนวนทวารทั้ง ๖ คือ
๑.กรรม ได้แก่ กรรมมารมณ์ที่เกี่ยวกับกุศลอกุศล
๒. กรรมนิมิต คือ เครื่องหมายหรืออุปกรณ์ในการทำบุญ ได้แก่ อารมณ์ ๖ คือ รูป เสียง กลิ่นรส สัมผัสทางกาย หรือสภาพที่รู้ทางใจ
๓. คตินิมิต คือ นิมิต หรือเครื่องหมายที่บ่งบอกให้ทราบถึง คติ หรือภพที่จะไปเกิด จะไปเกิดในสุคติภพ ก็มีนิมิตบ่งบอกให้ทราบ จะไปเกิดในทุคคติภพก็มีนิมิตบ่งบอกให้ทราบฉะนั้น ในเรื่องของการเวียนว่ายตายเกิดที่มีอยู่ในหมู่สัตว์โลก ไม่รู้จักจบสิ้นนั้น เพื่อเป็นการยืนยันของการตายแล้วเกิดใหม่จริง ผู้เขียนจะขอนำเรื่องของคนที่ตายแล้ว กลับมาเกิดใหม่และได้จดจำเรื่องราวในอดีตของเขาได้ ว่าเขาคือใคร มีพ่อแม่พี่น้อง ฐานะ ร่ำรวย ยากจน อย่างไรอยู่ที่ใด ซึ่งตรงกับความเป็นจริงทุกประการ นั้นคือ การระลึกชาติของบุคคลต่าง ๆ ที่ปรากฏในปัจจุบันนี้ ซึ่งเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นแล้วดังต่อไปนี้.....
จากพระมหา ดร. สุเทพ อกิญฺจโน จังหวัดชลบุรี
สาระ น่ารู้ 18
กฏแห่งกรรมฤๅสวรรค์ลำเอียง
โบราณมีคำกล่าวว่า "ผู้ที่มีโชคลาภวาสนาครบทั้ง ห้าจึงจะเรียกว่า เป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์" แต่ทุกวันนี้จะหา ใครที่มีครบถ้วนสมบูรณ์แบบได้บ้างไหม? คนที่อายุยืนแต่ขัดสนเงินทอง ไม่พอกินพอใช้ ถึงแม้ อายุ ๑๐๐ ปี แต่ก็อยู่อย่างยากจนอัตคัต บุคคลประเภทนี้ จัดว่ามีบุญวาสนา "ฉางโซ่ว" (อายุยืน) แต่ขาด "ฟู่กุ้ย" (เงินทอง) บางคนเกิดมาในตระกูลสูงศักดิ์มั่งคั่งร่ำรวย ความเป็นอยู่สุขสบาย แต่อยู่ได้ไม่ถึงบั้นปลายชีวิตต้องมาลาตาย ในวัยหนุ่มสาว คนประเภทนี้จัดว่ามีบุญวาสนา "ฟู่กุ้ย" (เงิน ทอง) แต่ขาด "ฉางโซ่ว" (อายุยืน) บางคนเกิดมาทรัพย์สินสมบัติพรั่งพร้อม ชีวิตยืนยาว จนชราวัย แต่ต้องอับเฉาเพราะสุขภาพย่ำแย่ชนิดที่ว่าสาม วันดีสี่วันป่วยไม่หยุดหย่อน คนประเภทนี้จัดว่ามีบุญวาสนา
"ฉางโซ่ว" (อายุยืน) และ "ฟู่กุ้ย" (เงินทอง) แต่ขาด "คังหนิง" (สุขภาพแข็งแรง) บางคนร่ำรวยเงินทอง มีชื่อเสียง มีหน้ามีตาอะไร ก็ดีไปหมดจริงแล้วน่าจะมีความสุข แต่ทำไมชีวิตกลับมีเรื่อง วุ่นๆ มากมายให้ต้องเป็นทุกข์เป็นกังวล ชนิดที่ว่า ความวัว ไม่ทันหายความควายเข้ามาแทรก ไม่เคยได้อยู่อย่างเป็นสุข เหมือนชาวบ้านเขา บ้างก็อายุมากแล้วต้องเผชิญกับปัญหา ร้อยแปด สู้รบปรบมือแก่งแย่งกันไม่สิ้นสุด คนประเภทนี้มี มาตรฐานสูง หรือเรียกว่าเป็นคนยึดติด ยึดติดมากใจก็เป็น ทุกข์มาก ชีวิตยากพบความสงบ เพราะตกอยู่ในความมืดมน ไม่มีแสงธรรมสาดส่อง จึงต้องประสบกับความทุกข์ตั้งแต่ แรกเกิดจนถึงวันตาย เรียกว่าไม่มีบุญวาสนา "ฮ่าวเต๋อ" คือ ใจเป็นทุกข์เพราะขาด "ความสงบร่มเย็น" นั่นเองอย่างไรก็ดี บางคนถึงแม้ว่าจะจนแสนจน แต่ก็ไม่เคย น้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตา มีความพอใจในชีวิตที่เรียบง่าย รู้จักประคับประคองชีวิตให้ดำเนินไปอย่างปกติและมีความสุข ตามอัตภาพ เมื่อวาระสุดท้ายมาถึงก็จากโลกนี้ไปด้วยความ สงบ เช่นนี้เรียกว่าถึงจะขาด "ฟู่กุ้ย" (มั่งมีศรีสุข) แต่ก็ยังมี บุญวาสนา "ซั่นจง" คือตายด้วยอาการสงบสุขอีกประการ มีให้เห็นเป็นประจำทุกวันตามข่าวหรือในหน้าหนังสือพิมพ์ เป็นโศกนาฏกรรมที่จบชีวิตคนด้วย อย่างน่าเศร้าสลด เช่น ผู้ประสบอุบัติเหตุรถชน รถคว่ำ ถูก ยิง ถูกฆ่า ถูกวางเพลิง เผานั่งยาง ฯลฯ มีไม่น้อยในคน เหล่านั้นที่จัดว่าเป็นคนที่มีชื่อเสียง ตำแหน่งหน้าที่การงานดี มีฐานะ แต่วาระสุดท้ายต้องตายอย่างทุกข์เวทนา ผู้โชคร้าย ที่เสียชีวิตในสภาพเช่นนี้ถือได้ว่าไม่มีบุญวาสนา "ซั่นจง" นั่นเองที่กล่าวมาทั้งหมดล้วนเป็นตัวอย่างของชีวิตที่ยังไม่สมบูรณ์ทั้งสิ้น หากใครที่มีบุญวาสนาครบทั้ง ๕ ประการนั้น ถือได้ว่าเป็นชีวิตที่เพียบพร้อมสมบูรณ์ที่สุด เพราะบุญวาสนา ทั้งห้าประการนี้เป็นสิ่งที่มนุษย์พึงปรารถนามากที่สุดในชีวิต แต่ทว่าจะทำอย่างไรเราถึงจะมีสิทธิ์เป็นผู้ครอบครองวาสนา ทั้งห้าประการนี้ คำตอบก็คือต้องบำเพ็ญปฏิบัติฯ เพราะการ บำเพ็ญคือการแสวงเหตุ การปฏิบัติคือลงมือหว่านเมล็ดพันธุ์ ในพระสูตรกล่าวไว้ "หว่านพืชเช่นไร ย่อมได้รับผลเช่นนั้น" ด้วยเหตุนี้ เมื่อท่านได้เข้าใจเหตุที่มาของบุญวาสนาครบทั้งห้า ประการ แล้วเริ่มต้นลงมือแก้ไขปรับปรุงชีวิตเสียใหม่ เมื่อ เมล็ดพันธุ์คือเหตุที่ปลูกไว้ดีแล้วถึงเวลาสุกงอม หวังได้เลยว่า ผลบุญวาสนาทั้งห้าประการนี้ย่อมตกผลมาถึงท่านในไม่ช้า
http://variety.teenee.com/foodforbrain/4026.html
สาระ น่ารู้ 19
ปรัชญา สู่ความยิ่งใหญ่
“อะไรคือหลักปฏิบัติให้สามารถก้าวเดินสู่หนทางแห่งความยิ่งใหญ่หรือบันไดสู่ความสำเร็จได้..?”
1. จดจำไม่ลืมเลือน เรื่องดีเก็บเกี่ยวให้เป็นความทรงจำอันประทับใจเพื่อสร้างความสุขเรื่องร้ายเก็บใส่ใจเอาไว้เป็นเครื่องเตือนใจเพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดเช่นเดิมอีกต่อไปในอนาคต
2. โอนอ่อนดั่งต้นหลิว การอ่อนน้อมถ่อมตน ล้วนเป็นข้อปฏิบัติที่สำคัญสำหรับผู้ที่ประสบความสำเร็จทั้งหลาย การรู้จักปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ได้เป็นอย่างดีไม่คล้อยตามบุคคลอื่นอย่างไร้เหตุผล การกระทำเช่นนี้เปรียบได้กับต้นหลิวใหญ่ที่รู้จักลู่ลมเมื่อพายุฝนพัดกระหน่ำ แม้ต้นไม้ใหญ่ทั้งหลายจักโค่นล้มลงเท่าใดก็ตาม หากแต่ต้นหลิวก็ยังคงทนอยู่ได้อย่างมั่นคงสืบไป
3. เมตตารู้จักให้ การรู้จักให้ความเมตตา ให้ความรัก ให้อภัย หรือสิ่งใดก็ตามในทางที่ดีแก่ผู้อื่นนั้น ย่อมสร้างความประทับใจให้แก่ผู้ที่ได้ประสบพบเห็นเสมอ ดั่งพุทธพจน์ที่ว่า “ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก”
4. สนใจรับผิดชอบ ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ไม่ว่าจะเป็นการงาน เรื่องครอบครัว เรื่องเวลานัดหมาย เรื่องเพื่อนฝูงญาติพี่น้องและตนเอง เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ต้องใส่ใจและเอาใจใส่หากบุคคลใดบกพร่องต่อหน้าที่ความรับผิดชอบแล้วไซร้ เห็นที่จะประสบความสำเร็จได้ยาก ซึ่งนั่นก็หมายถึงคุณตัดเส้นทางเดินสู่ความยิ่งใหญ่ของคุณเช่นกัน
5. อดทนจนได้ชัย “เป้าหมายที่ปลายมือย่อมดีกว่าเป้าหมายที่ปลายฟ้า” ความหวังที่จะประสบผลสำเร็จในความปรารถนาที่จับต้องได้และไม่ไกลเกินฝันนั้น แม้จะยังไม่สำเร็จในวันนี้หากรู้จักความมานะอดทนสักวันหนึ่งวันข้างหน้าก็ต้องประสบความสำเร็จจนได้ เช่นเดียวกับสมาคมยกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทยที่พี่ชายผู้เขียนเป็นนายกสมาคมฯ และผู้เขียนเป็นที่ปรึกษาสมาคมฯ ซึ่งกลายเป็นทีมกีฬายอดเยี่ยมแห่งปี 2547 สามารถคว้าเหรียญกีฬาโอลิมปิค ได้ถึง 4 เหรียญ เราต้องใช้ระยะเวลาในการหล่อหลอมฝึกฝนนักกีฬาแต่ละคนไม่ต่ำกว่า 8- 10 ปี ต้องฟันฝ่าอุปสรรคนานัปการ กว่าจะมีวันแห่งชัยชนะและเป็นสุดยอดของทีมนักกีฬาไทย หรือแม้กระทั่งทีมเชียร์ลีดเดอร์ของมหาวิทยาลัยรังสิต ที่ได้รับชัยชนะจากการแข่งขันที่ประเทศอังกฤษจนกระทั่งกลายเป็นทีมเชียร์ลีดเดอร์แชมป์โลก ต่างก็ต้องอดทนต่ออุปสรรคมากมายกว่าจะถึงเส้นชัย ดังนั้นการก้าวไปสู่ความยิ่งใหญ่นั้นจำเป็นต้องอดทน...นี่แหละคือปรัชญาสู่ความยิ่งใหญ่....ที่ดูเหมือนง่ายแต่ทำได้ยาก...
สาระ น่ารู้ 20
นิทานน่าฟังสำหรับคนรักกัน
วันหนึ่งมีชายหญิงคู่หนึ่งพึ่งรักกันทั้งคู่รักกันมาก ผู้ชายให้สัญญากับผู้หญิงว่า ผมจะรักคุณตลอดไปผู้หญิงจึงบอกกลับว่า ฉันเชื่อคุณ และจะรักคุนอย่างที่รักฉัน ให้ดีที่สุด ทั้ง 2 คบกันไปชั่วในระยะเวลาหนึ่ง ในระหว่างที่ 2 คนได้เดินจับมือ กันอยู่ในสวนสาธารณะนั้น ได้มี นางฟ้าคนหนึ่ง ปรากฏกายลงมา พร้อมกับบอกว่า "ท่านทั้ง 2 มีความรัก บริสุทธิ์ต่อกัน เราอยากจะให้ท่าน ได้เห็นอนาคตของท่านทั้ง 2" ชาย หญิงคู่นั้น จับมือกันไว้แน่นและรู้สึกดีใจที่ความรักของเค้าและเธอ ถึงขนาดนางฟ้ามาให้พร นางฟ้าจึงพูดขึ้นว่า "ท่านจะดูอนาคตของท่านทั้ง 2 นับตั้งแต่นี้หรือไม่”ชายและหญิงคู่รักมองตากัน แล้วตอบพร้อมกันว่า "เราทั้ง 2 ไม่กลัวอนาคตเรามั่นใจในกันและกัน" นางฟ้าได้ยินดังนั้น จึง เสก ของออกมาเป็นซีดี 2 แผ่นให้ทั้งคู่ไปดูอนาคต....................... ที่บ้านของหญิงสาว หญิงสาวค่อยๆควักแผ่นซีดีที่ได้จากนางฟ้า ใส่ลงในเครื่องเล่นซีดี ในภาพ เห็น ในภาพแรกเธอและแฟนของเธอแต่งงานกัน เธอยิ้มแก้มปริมีความสุขอย่าง บอกไม่ถูก ในภาพหลังๆ หญิงสาวได้เห็นว่า มีรูปของแฟนเธอคบชู้ เธอนั่งร้องไห้ เสียใจ ทันใดนั้น มีเสียงประตูเคาะขึ้นที่ห้องของเธอ เธอรีบปิดเครื่องวีซีดี และซับน้ำตา รีบไปเปิดประตู ปรากฏว่าเป็นแฟนของเธอเอง แฟนเธอยิ้ม แต่เธอโมโหจึงตบหน้าเค้าอย่างแรง และปิดประตูโดยที่ฝ่ายชาย งง ๆ เธอนอนร้องไห้ ถึงอนาคตที่จะต้องเกิดเช่นในวีซีดีนั้น หลังจากนั้น เธอพยายามหนีหน้าชายคนรักของเธอ โดยที่ผู้ชายก็ตามง้อยกใหญ่โดยผู้ชาย ไม่รู้ว่าตัวเองทำผิดอะไร เธอพยายามหาทางเลิกกับผู้ชาย จนสำเร็จ จนวันหนึ่ง ได้มีเสียงเคาะ ประตู เธอเปิดประตู แต่ทันใดนั้น คนที่เคาะประตูก็หันหลังจนลับตาไปเสียแล้ว เธอจำได้ดีถึงแผ่นหลังของ อดีตชายที่ตัวเองรัก เธอมองลงพื้น พบซีดีอีกแผ่นหนึ่งของที่นางฟ้าได้ให้ผู้ชาย..... เธอนำซีดีแผ่นนี้ไปเปิดอีกครั้ง พบภาพ ที่เหมือนกันคือ ภาพที่ทั้งคู่แต่งงานกันอย่างมีความสุขแต่ภาพหลังจากแต่งงานคือ ภาพที่เธอมีชู้กับผู้ชายคนใหม่ โดยมีแฟนของเธอร้องไห้อยู่ข้างๆ ........ เธอน้ำตาไหลและปิดวีดิโออย่างช้าๆ ..... เธอค่อยๆเปิดจดหมาย ที่แนบมากับซีดีนี้อ่าน ข้อความเขียนว่า "ผมไม่กลัวอนาคตเรามั่นใจในกันและกัน ขอบคุณแม้ผมจะเชื่อใน คุณฝ่ายเดียวก็ตาม ลาก่อน" ............... คำว่าเชื่อใจเท่านั้น ที่ทำให้ คนทั้ง 2 คน คบกันอย่างมีความสุข แล้วคุณละเชื่อใจคนรักของคุณมากแค่ไหน ?ที่มา
http://fwmail.teenee.com/
สาระ น่ารู้ 21
คิดอย่างไรไม่ให้เครียด
เครียด
เป็นภาระที่ทุกคนไม่อยากประสบพบพาน แต่คงไม่มีใครที่ไม่เคยเครียด ดังนั้นมาทำความรู้จักกับความเครียด และวิธีการคิดเพื่อที่จะได้ไม่เครียดกันดีกว่า การลดความเครียดจึงจำเป็นที่จะต้องรู้วิธีคิดที่ถูกต้องเหมาะสม ซึ่งวิธีคิดที่เหมาะสมได้แก่
***1. คิดในแง่ยืดหยุ่นให้มากขึ้น อย่าเอาจริงเอาจัง เข้มงวดจับผิด หรือตัดสินถูกผิดตัวเอง หรือผู้อื่นตลอดเวลา รู้จักผ่อนหนัก ผ่อนเบา ผ่อนสั้น ผ่อนยาว ลดทิฐิมานะและที่สำคัญควรรู้จักการให้อภัยก็จะทำให้ชีวิตมีความสุขขึ้น และมีความเครียดน้อยลง
***2. คิดอย่างมีเหตุผล ไม่ด่วนเชื่ออะไรง่าย ๆ ไม่ด่วยสรุปอะไรง่าย ๆ ให้พยายามใช้เหตุผลตรวจสอบข้อเท็จจริง ความเป็นไปได้ ไตร่ตรองให้รอบคอบ เพราะนอกจากจะไม่ทำให้ตกเป็นเหยื่อให้ใครหลอกเอาง่าย ๆ แล้ว ยังสามารถตัดความกังวลใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปได้อีกด้วย
***3. คิดหลาย ๆ แง่มุม มองหลาย ๆ ด้าน ทั้งด้านดีและไม่ดี พึงระลึกไว้เสมอว่า ทุกอย่างมีข้อดีและข้อไม่ดีประกอบกันทั้งสิ้น จึงไม่ควรมองด้านใดด้านหนึ่งเพียงด้านเดียวให้ใจเป็นทุกข์ และที่สำคัญ ควรหัดคิดหัดมองในมุมของคนอื่นด้วย อย่างที่เขาเรียกว่าเอาใจเขามาใส่ใจเรา ก็จะช่วยให้เรามองอะไรได้กว้างไกลกว่าเดิม
***4. คิดแต่เรื่องดี ๆ เพราะหากว่าเราคิดแต่เรื่องร้าย ๆ เรื่องความล้มเหลวผิดหวังหรือเรื่องที่เป็นทุกข์ ก็จะทำให้เครียดมากขึ้น ควรคิดถึงเรื่องดี ๆ ให้มาก ๆ นอกจากไม่ทำให้เครียดแล้วยังทำให้สบายใจมากขึ้นด้วย
***5. คิดถึงคนอื่นบ้าง อย่าหมกมุ่นแต่เรื่องของตัวเองเท่านั้น เปิดใจให้กว้างรับรู้ความรู้สึกและความเป็นไปของคนอื่นและคนใกล้ชิด ใส่ใจที่จะช่วยเหลือแก้ไขปัญหาของผู้อื่นในสังคม บางครั้งจะพบว่า ปัญหาหรือความเครียดที่กำลังเผชิญอยู่นั้นเป็นเรื่องเล็กนิดเดียวเมื่อเทียบกับปัญหาของผู้อื่น ซึ่งความรู้สึกแบบนี้จะทำให้เครียดน้อยลง จะช่วยให้รู้สึกดีขึ้น และยิ่งถ้าสามารถช่วยให้ผู้อื่นแก้ไขปัญหาได้ ก็จะทำให้สุขใจมากขึ้นเป็นทวีคูณเลยทีเดียว
ลัชดา สมญาติ (เจ้าหน้าที่เวชสถิติ 5)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น